คลังเก็บหมวดหมู่: ความรู้ SEO

การเลือกใช้ CMS มีผลกับการทำ SEO อย่างไร

CMS ไม่ได้เป็นส่วนสำคัญของการออกแบบและอัปเดตเนื้อหาบนเว็บไซต์เท่านั้น แต่ใครจะรู้ล่ะว่าการเลือกใช้ CMS ก็มีผลต่อการทำ SEO ได้เหมือนกัน เรามาดูกันเลยดีกว่าว่าในมุมมองของการทำการตลาดออนไลน์นั้น CMS จะช่วยดันอันดับ SEO เว็บไซต์ของแบรนด์ต่าง ๆ ให้ขึ้นไปอยู่หน้าแรกได้อย่างไรบ้าง

CMS ที่ดีช่วยดัน SEO ได้ง่าย

CMS ที่เป็น SEO friendly ช่วยให้คนทำคอนเทนต์สามารถสร้าง permalink เองได้ รวมถึง metadata และ snippet ต่าง ๆ ที่มีผลต่อการทำ SEO ด้วย หาก CMS ที่คุณใช้ไม่เอื้อต่อการสร้างข้อมูลเหล่านี้ อาจทำให้คุณพลาดการขึ้นไปอยู่ในหน้าแรกของ search engine แบบน่าเสียดาย

ทำให้พนักงานที่มีหน้าที่อัปเดตคอนเทนต์เหนื่อยน้อยลง

พนักงานที่มีหน้าที่อัปเดตคอนเทนต์อาจไม่ได้บ่นให้คุณฟัง แต่เชื่อได้เลยว่าหากคุณมี CMS ที่ดีเข้ามาเป็นตัวช่วยในการสร้าง SEO จะทำให้พนักงานของคุณเหนื่อยน้อยลงไปมาก เพราะมันจะช่วยให้การจัดการทุกอย่างดูง่ายขึ้นและเป็นระเบียบมากกว่าเดิม

เว็บไซต์ของคุณจะทนทานจะต่อเปลี่ยนแปลงอัลกอริทึม

เมื่อไหร่ที่มีการเปลี่ยนแปลงอัลกอริทึมของ search engine หลายเว็บไซต์จะถูกดันให้ตกอันดับ แต่สำหรับเว็บไซต์ที่ได้รับการจัดระเบียบมาเป็นอย่างดีจะอยู่ได้ทนและอยู่ได้นาน เพราะไม่ว่าอัลกอริทึมของ search engine จะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน เนื้อหาและโครงสร้างของเว็บไซต์ก็มีจุดยืนที่ชัดเจนนั่นเอง

CMS ที่เป็น mobile friendly มีผลกับการทำการตลาด

แน่นอนว่าสมัยนี้ลูกค้าของคุณต่างใช้มือถือเป็นเครื่องมือในการเข้าถึงข้อมูล ซึ่งการทำเนื้อหาก็ต้องเป็นเนื้อหาที่แสดงผลหน้าจอของมือถือได้ลงตัว ไม่ว่าจะเป็นมือถือรุ่นไหนก็ควร responsive หากเว็บไซต์ของคุณยังต้องให้ลูกค้าซูมเข้าซูมออกเพื่อเปิดอ่านเนื้อหาแล้วล่ะก็ นั่นหมายความว่าคุณกำลังสร้างประสบการณ์ที่ไม่น่าประทับใจต่อลูกค้าอยู่ก็ได้

เว็บไซต์ของคุณจะดูดีและน่าเชื่อถือ

ใช่แล้วล่ะ เว็บไซต์ที่ดูดี ถูกจัดวางในตำแหน่งที่เป็นระเบียบและมีเครื่องมือช่วยให้ค้นหาเนื้อหาได้ง่ายย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะคอนเทนต์ที่ดีควรมี CMS ที่เจ๋ง ๆ เป็นหลังบ้านแล้วคอนเทนต์ที่ดีนี่เอง จะช่วยสร้าง UX หรือประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้ใช้งานได้ดีกว่าเว็บไซต์ที่มีการวางเนื้อหากระจัดกระจายจนดูไม่น่าเปิดไปอ่านซ้ำอีก

มาถึงตรงนี้แล้ว เจ้าของแบรนด์และคนทำเว็บไซต์หลายคนต้องหันมาสำรวจแล้วล่ะ ว่าเว็บไซต์ของคุณใช้ CMS ตัวไหนในการสร้างเว็บไซต์และอัปเดตคอนเทนต์อยู่ เพราะถ้าเป็น CMS ที่ไม่เอื้อต่อการทำเนื้อหาบนเว็บไซต์แล้วล่ะก็ อาจถึงเวลาต้องเปลี่ยนเพื่ออันดับของ SEO ที่ดีกว่าแล้วล่ะ

7 สิ่งที่มือใหม่หัดทำ SEO มักเข้าใจผิด

7 สิ่งที่มือใหม่หัดทำ SEO มักเข้าใจผิด

คุณรู้หรือไม่ว่ามีคนจำนวนมากยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการ SEO อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียวล่ะ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วความเข้าใจผิดนี้จะมีลักษณะคล้าย ๆ กัน หากคุณเป็นมือใหม่ที่กำลังกระโดดตัวเองเข้ามาในวงการ SEO ลองสำรวจดูว่ามีข้อไหนบ้างที่คุณยังเข้าใจผิดเหมือนคนอื่น ๆ อยู่บ้าง

SEO ข้อไหนบ้างที่คนมักเข้าใจผิด

ทำ SEO แล้วจะเห็นผลเลยในทันที

ผลลัพธ์ของการทำ SEO สามารถเกิดขึ้นได้ทันทีหากเว็บไซต์ของคุณมีพื้นฐานที่ดีมาแล้วส่วนหนึ่ง แต่ก็ยังเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากอยู่ดี ฉะนั้นหากคุณคิดว่าการทำ SEO แล้วจะเห็นผลทันทีนั้น ก็ต้องทำความเข้าใจใหม่แล้วล่ะ

SEO มีแต่การเขียนบทความ

SEO ไม่ได้มีแต่เรื่องของการเขียนบทความเสมอไป แต่ยังเป็นการทำ backlink และโครงสร้างของเว็บไซต์ที่ต้องคอยตรวจเช็คให้สามารถทำงานได้ดีตลอดเวลาอีกด้วย

ยิ่งใส่ keyword เยอะเท่าไหร่ยิ่งดี

การใส่ keyword ที่ดีนั้นควรกระจายให้ทั่วเนื้อหาและอยู่ในทุกส่วนของเนื้อหา แต่ไม่ได้เป็นการยัดเยียด keyword เข้าไปในเนื้อหา เพราะยิ่งใส่เข้าไปมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดูเหมือนเป็นเว็บไซต์ที่ไร้คุณภาพมากเท่านั้น

อันดับของ SEO จะคงอยู่ตลอดไป

อันดับ SEO ของเว็บไซต์สามารถอยู่ต่อไปได้แบบนาน ๆ เหมือนกันนะหากคุณมีการตรวจเช็คและพัฒนาเว็บไซต์ของตัวเองอยู่ตลอดเวลา แต่โดยธรรมชาติของการทำ SEO จะมีการเปลี่ยนแปลงของอันดับที่ขึ้นลงได้เสมอ

Algorithm ของ search engine สำคัญที่สุดในการทำ SEO

Algorithm เป็นสิ่งสำคัญแต่ไม่สำคัญมากไปกว่าแบรนด์และการสร้างเนื้อหาที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ชม เพราะ algorithm ของ search engine มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา หากคุณมัวแต่เปลี่ยนแปลงไปตาม algorithm นี้ทุกวัน อาจทำให้เว็บไซต์ของคุณไร้จุดยืนได้เหมือนกัน

ใช้แต่ short tail keywords มาใช้ในการทำเนื้อหาที่เป็นบทความ

Short tail keywords หรือ คำสั้น ๆ ที่ผู้คนใช้ในการค้นหาบน search engine ซึ่งการใช้ keyword ประเภทนี้มีความยากตรงที่มีเว็บไซต์อื่น ๆ ก่อนหน้านี้ที่ทำมาก่อนได้แย่งพื้นที่ด้วยการใช้คำสั้น ๆ ไปแล้ว ทางออกที่ดีคือการใช้ long tail keywords เข้ามาเป็นส่วนประกอบของเนื้อหาได้

SEO ไม่เกี่ยวกับ coding

หลายคนเข้าใจผิดว่าการทำ SEO เป็นเรื่องที่ทำเกี่ยวกับเนื้อหาที่ต้องใช้ keyword เท่านั้น แต่ความเป็นจริงนั้น SEO ยังเป็นเรื่องของโครงสร้างเว็บไซต์ที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนโค้ดบางส่วนเพื่อให้ search engine เข้ามาเก็บข้อมูลของเว็บไซต์ได้อีกด้วย

การเป็นมือใหม่ในการทำ SEO นั้นทุกคนก็ต้องผ่านจุดนี้ทั้งนั้น การเกิดความเข้าใจผิดหรือหลงทางนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะว่าหลายคนก็มักมีความเข้าใจผิดหรือทำพลาดมาก่อน แต่ถ้าคุณรู้แล้วว่ามีบางอย่างที่คุณยังเข้าใจผิดอยู่ ขอให้รีบแก้ไขให้ถูกต้องเพื่อให้เว็บไซต์ของคุณไต่อันดับขึ้นไปที่หน้าแรกของ Google ได้ตามที่ต้องการ

SEO ข้อไหนบ้างที่คนมักเข้าใจผิด

รู้จัก SEO สายขาว (white hat) เพื่ออันดับบน search engine ที่ยั่งยืน

รู้จัก SEO สายขาว white hat เพื่ออันดับบน search engine ที่ยั่งยืน

การทำ SEO นั้นมีทั้งสายดำ (black hat) และสายขาว (white hat) ซึ่งสายขาวนี้เป็นสายที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นการทำ SEO ที่ดีและถูกต้อง วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกันก่อนว่า white hat พวกเขามีวิธีการทำงานอย่างไรให้เว็บไซต์ขึ้นอันกับไปอยู่บน search engine ได้และอยู่ได้นาน ถ้าพร้อมแล้วเรามาดูกันเลยดีกว่า

วิธีการทำ SEO แบบสายขาว

สร้างเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกัน เนื้อหาที่มีความเกี่ยวข้องกันจะทำให้ search engine สามารถค้นหาคุณได้ง่ายขึ้น ยิ่งเนื้อหาภายในเว็บไซต์ของคุณมีความเกี่ยวข้องแล้วพูดไปในทิศทางหรือเป็นเรื่องเดียวกันมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเป็นผลดีต่อตัวเว็บไซต์ด้วย เพราะจะทำให้สร้างเนื้อหาเฉพาะทางได้ด้วย keyword ที่ไม่มากจนเกินไป

ใช้รูปภาพที่เหมาะสม รูปภาพที่มีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหาและมี keyword อยู่ในชื่อของรูปภาพ รวมถึงมีค่า alt ของ image ที่เหมาะสมจะทำให้ search engine สามารถค้นหาเว็บไซต์ของคุณเพื่อทำการ rank ได้ง่ายยิ่งขึ้น ฉะนั้น SEO สายขาวจึงใช้วิธีนี้ในการสร้างเนื้อหาที่มีรูปภาพเข้ามาเป็นส่วนประกอบ

ทำ link ไปยังเว็บไซต์และเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกัน การทำ internal link และ external link หรือที่เราเรียกว่า backlink นั้นควรเชื่อมโยงไปในเนื้อหาและเว็บไซต์ภายนอกที่เกี่ยวข้องกันเพื่อไม่ให้เป็นสแปมนั่นเอง ยิ่งเว็บไซต์ภายนอกที่คุณสร้าง backlink เอาไว้มีประสิทธิภาพมากเท่าไหร่ ก็จะทำให้มีคะแนน SEO สูงตามไปด้วย

สร้างเนื้อหาที่สะกดถูกต้องและตามหลักไวยกรณ์ มีคนทำ SEO จำนวนมากที่ใช้คำไม่ถูกต้องหรือใช้ตัวอักษรวิบัติเพื่อหลอกให้ search engine ไม่สามารถอ่านความหมายได้ โดยเฉพาะเว็บไซต์ที่เป็นธุรกิจผิดกฎหมายต่าง ๆ ซึ่งวิธีการนี้จะไม่ใช่วิธีของ SEO สายขาว แต่เป็นวิธีของสายดำทั้งหลายนั่นเอง

สร้าง HTML ที่ถูกต้องและเป็นไปตามมาตรฐาน SEO เป็นศาสตร์ที่ต้องใช้ความรู้เรื่อง coding ด้วยเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้เป็นการใช้ความรู้เกี่ยวกับการแก้ไขโค้ดเชิงลึกมากเท่าไหร่ ซึ่งจะเป็นการเพิ่ม ลด และแก้ไข HTML code มากกว่า แน่นอนว่าการสร้างโค้ดเหล่านี้ขึ้นมา จะต้องทำให้ถูกต้องตามมาตรฐานเพื่อให้ bot อ่านค่าได้

ตั้งชื่อหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาและเป็นชื่อเฉพาะ ความ unique เป็นสิ่งที่ search engine ชอบ เพราะถือเป็นเนื้อหาที่สดใหม่และสร้างสรรค์คุณค่าให้กับผู้อ่านจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ใคร ๆ ก็อยากได้เนื้อหาที่มีลักษณะ unique มาอยู่บนเว็บไซต์ของตัวเอง

SEO white hat เป็นวิธีการทำ SEO ที่ได้รับการยอมรับเสมอ โดยหลายครั้งก็ทำให้เว็บไซต์ไต่อันดับขึ้นไปได้ช้า ซึ่งทำให้คนทำ SEO หันไปใช้วิธีการของ black hat แต่ขอให้คุณคำนึงเอาไว้เสมอว่า การไต่อันดับช้านั้นย่อมดีกว่าการขึ้นอันดับไปได้ไว โดยที่สุดท้ายก็ร่วงออกจากทุกหน้าของ search engine ในเวลาไม่นาน

วิธีการทำ SEO แบบสายขาว

ทำปฏิทินสร้างเนื้อหา SEO ให้มีประสิทธิภาพด้วยทิป 5 ข้อ

ทำปฏิทินสร้างเนื้อหา SEO ให้มีประสิทธิภาพด้วยทิป 5 ข้อ

การสร้างเนื้อหา SEO นั้นเป็นเรื่องที่ยากอยู่แล้ว เพราะต้องใช้เวลาในการสร้างและคิดไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งสิ่งที่จะช่วยให้การสร้าง SEO มีประสิทธิภาพมากขึ้นก็คือ การทำปฏิทินเพื่อควบคุมวิธีการทำงานให้อยู่ในเวลาที่กำหนดและทำให้การทำงานไม่หลุดเป้าหมายนั่นเอง ถ้าคุณกำลังมองหาวิธีทำงานบนปฏิทิน SEO ให้มีศักยภาพมากขึ้น อย่าพลาดทิป 4 ข้อนี้เด็ดขาด

วิธีทำงานบนปฏิทิน SEO ให้มีศักยภาพ

มีเนื้อหารายปักษ์หรือรายสัปดาห์ : การวางแผนให้มีเนื้อหารายปักษ์หรือรายสัปดาห์ซึ่งเป็นเนื้อหาพิเศษ เช่น ข้อมูลสถิติ การรายงาน นั้นจะทำให้คนติดตามคุณตื่นเต้นไปกับเนื้อหาที่คุณกำลังเตรียมเอาไว้ แล้วยังทำให้พวกเขารู้ได้ล่วงหน้าว่าคุณมีนัดกับแฟน ๆ ของคุณเมื่อไหร่บ้าง โดยวิธีการนี้จะทำให้คุณสนุกไปกับการวางแผนเนื้อหา SEO ลงบนปฏิทินด้วย

ใช้ Google calendar เข้ามาเป็นตัวช่วย : ปฏิทินบนมือถือหรือปฏิทินจาก Google นั้นเป็นตัวช่วยที่ดีในการวางแผนกิจกรรม SEO ที่คุณจะต้องทำได้เป็นอย่างดี เพราะคุณสามารถใส่รายละเอียดต่าง ๆ ลงไปด้านในโดยหยิบมาดูจากมือถือได้ตลอดเวลา โดยในแอปพลิเคชันยังมีฟังก์ชันแจ้งเตือน เพื่อป้องกันไม่ให้คุณลืม อีกทั้งสามารถทำนัดโดยระบุวัน เวลา และ สถานที่ ได้อีกด้วย

ให้เวลากับตัวเอง : การวางแผนกิจกรรมการทำ SEO ลงบนปฏิทินนั้นอาจดูไม่ใช่เรื่องยาก แต่ค่อนข้างมีรายละเอียดที่คุณต้องใส่ใจเยอะเลยทีเดียวล่ะ เพราะอย่างน้อยรายละเอียดในปฏิทินจะต้องมีหัวข้อของเนื้อหาที่คุณต้องการเขียน การให้เวลาคิดในที่เงียบ ๆ กับตัวเองจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ

มีธีมเป็นตัวช่วยควบคุมการวางเนื้อหาตามปฏิทิน : เช่นเดียวกับการออกแบบงานหลายอย่าง การมีธีมเป็นสิ่งที่กำหนดเอาไว้จะเป็นตัวช่วยให้การวางแผนในปฏิทินง่ายขึ้นกว่าเดิม และเป็นการตีกรอบให้คุณไม่ต้องคิดออกนอกเรื่องได้อย่างดีเลยทีเดียว เช่น เนื้อหาในเดือนเมษายนที่กำลังจะมาถึงนั้น แนวความคิดหลักหรือธีมของการนำเสนอ จะเกี่ยวข้องกับเรื่องการออกจากบ้านไปเล่นน้ำสงกรานต์ในฤดูร้อน

อย่าวางแผนยาวเกินไป : การวางแผนกิจกรรมในปฏิทินระยะยาวล่วงหน้า 6 เดือนเป็นต้นไปนั้น จะทำให้คุณใช้เวลาในการคิดนานพอสมควร อีกทั้งในอนาคตอาจมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเกิดขึ้น ขอแค่คุณวางแผนเบื้องต้นเอาไว้แต่ไม่จำเป็นต้องเติมหัวข้อของเนื้อหาลงในปฏิทิน เพื่อให้คุณประหยัดเวลาและไม่ต้องมาแก้ไขทีหลัง

หลังจากนี้ให้คุณลองนำทิปทั้ง 4 ข้อนี้ไปลองใช้กับการทำงานเพื่อแข่งกับเวลาดูสิ แล้วจะรู้ได้เลยทันทีว่าการวางแผนแบบนี้จะช่วยให้เวลาที่ผ่านไปนั้นคุ้มค่า และทำให้ การทำ SEO ไม่เป็นเรื่องที่เหนื่อยจนเกินไป แม้ว่าจะมีคู่แข่งกี่รายก็สู้ไหว

วิธีทำงานบนปฏิทิน SEO ให้มีศักยภาพ

ประโยชน์ของ SEO 5 ข้อ ที่ทำให้แบรนด์ของคุณได้เปรียบคู่แข่ง

SEO ช่วยให้ธุรกิจของคุณต่อสู่กับคู่แข่งได้อย่างไร

ในปัจจุบัน การทำ SEO เป็นสิ่งที่หลายองค์กรต่างให้ความสนใจ เพราะการแข่งขันทางการตลาดนั้นนับวันยิ่งมีความดุเดือดมากขึ้น ซึ่ง SEO คือทางออกของการแข่งขันของธุรกิจบนโลกออนไลน์ได้ แล้วสิ่งที่ SEO จะช่วยให้ธุรกิจของคุณต่อสู่กับคู่แข่งได้นั้นมีอะไรบ้างเรามาสำรวจกันเลยดีกว่า

SEO ช่วยให้ธุรกิจของคุณต่อสู่กับคู่แข่งได้อย่างไร

1. ทำให้แบรนด์ได้ลูกค้าที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย

การที่ลูกค้าคลิกเข้าไปดูรายละเอียดและเนื้อหาในเว็บไซต์ของคุณผ่านการค้นหาผ่าน search engine โดยใช้คีย์เวิร์ดที่คุณใช้ทำ SEO โดยคุณไม่ได้โฆษณาเพื่อให้ได้ traffic เข้าไปยังเว็บไซต์ ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีมากเลยทีเดียวล่ะ เพราะนั่นหมายความว่า SEO ช่วยดึงกลุ่มเป้าหมายของคุณเข้ามายังเว็บไซต์ได้

2. เพิ่มการมองเห็นหรือ awareness ให้กับแบรนด์

ในการสร้าง brand awareness บนโลกออฟไลน์นั้นหลาย ๆ แบรนด์จะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากเพื่อให้แบรนด์เป็นที่รู้จักของลูกค้า แต่สมัยนี้การสร้างแบรนด์ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะการทำ SEO นั้นสามารถค่อย ๆ สร้างแบรนด์ควบคู่ไปด้วยกันผ่านเนื้อหาได้หลากหลายรูปแบบตามที่แบรนด์ต้องการได้

3. ช่วยประหยัดงบประมาณทางการตลาดในระยะยาว

หนึ่งในงบประมาณที่แต่ละแบรนด์จะต้องกุมขมับทุกปีเมื่อมีการวางแผนเรื่องค่าใช้จ่ายนั่นก็คือ งบประมาณทางด้านการตลาด เพราะหลายแบรนด์จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากไปกับการตลาดเพื่อให้กลุ่มลูกค้าเข้าถึงแบรนด์ให้ได้ แต่ SEO จะช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องการสร้างแบรนด์ลงได้ในระยะยาว

4. เพิ่มความได้เปรียบทางการแข่งขันบนโลกออนไลน์

ลองคิดดูสิว่าการที่คุณขายสินค้าแบบเดียวกับคู่แข่ง ซึ่งทำให้คุณไม่สามารถเพิ่มราคาสูงกว่าคู่แข่งได้ หากกกลุ่มลูกค้าของคุณกำลังค้นหาสินค้าหรือการบริการที่คุณมีแบบเดียวกับคู่แข่ง แต่ลูกค้ากลับค้นหาสินค้าหรือบริการของคุณได้ก่อน ย่อมทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อจากคุณมากกว่าคู่แข่งที่ไปอยู่ในหน้าท้าย ๆ ของ search engine แน่นอน

5. เป็นการโปรโมทแบรนด์บนโลกออนไลน์ได้ตลอดเวลา

หากเป็นการโฆษณานั้น คุณจะต้องใช้เงินเพื่อให้โฆษณาของคุณไปปรากฏอยู่ที่หน้าจอของลูกค้า แต่เมื่อไหร่ที่คุณสามารถทำให้เว็บไซต์ตัวเองไปอยู่หน้าแรกของ search engine แล้ว ไม่ว่าจะเวลาไหนเว็บไซต์ของคุณก็จะปรากฏบนหน้าจอของลูกค้าแบบไม่ต้องใช้เงิน แค่รักษาอันดับเอาไว้ก็จะเป็นการโปรโมทแบรนด์ของคุณให้แสดงบนหน้าจอของลูกค้าได้แบบ 24 ชั่วโมง

เห็นไหมว่าการทำให้เว็บไซต์ของคุณขึ้นไปอยู่อันดับต้น ๆ ของ search engine นั้นให้ประโยชน์แก่ธุรกิจของคุณหลายข้อเลยทีเดียว และที่สำคัญ การทำ SEO จะช่วยทำให้คุณประหยัดงบประมาณทางการตลาดในระยะยาวได้อีกด้วย แล้วคุณล่ะ อยากใช้วิธีการทำ SEO ช่วยให้ธุรกิจของคุณอยู่ในสายตาของกลุ่มเป้าหมายบนโลกออนไลน์หรือไม่

ประโยชน์ของ SEO 5 ข้อ ที่ทำให้แบรนด์ของคุณได้เปรียบคู่แข่ง

SEO เครื่องมือดี ๆ ทำให้เว็บติดอันดับ 1

เครื่องมือในการทำ SEO

SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นระบบการตั้งค่าให้เว็บไซต์ติดอันดับบนหน้าแรกของ Search Engine ซึ่งนักการตลาดทุกคนที่ทำเว็บไซต์ย่อมมีเป้าหมายที่อยากให้เว็บไซต์ของตัวเองติดอันดับบนหน้าแรกของ Search Engine ใน Keyword ที่กลุ่มเป้าหมายให้ความสนใจหรือค้นหาบ่อย

โดยหลักพื้นฐานในการทำ SEO ให้กับเว็บไซต์เป็นความรู้ที่นักการตลาดออนไลน์ทราบกันดีอยู่แล้ว แต่การทำตามหลักการอย่างเดียวอาจจะไม่พอ เนื่องจากอัตราการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง การทราบถึงเครื่องมือในการทำ SEO จะช่วยประหยัดเวลาและทำให้การทำ SEO เป็นเรื่องง่ายขึ้น โดยเครื่องมือในการทำ SEO มีดังนี้

เครื่องมือในการทำ SEO

Keyword Suggestion เป็นเครื่องมือที่ช่วยเช็คความนิยมของ Keyword ที่กลุ่มเป้าหมายค้นหาบ่อย รวมถึงช่วยให้ทราบอัตราการแข่งขันของ Keyword ดังกล่าวว่ามีความยากง่ายเพียงใด โดย Keyword Suggestion ที่ได้รับความนิยมทั้งฟรีและมีค่าใช้จ่าย มีดังนี้ neilpatel.com, keywordtool.io, kwfinder และ Keyword Planer เป็นต้น

Mobile-Friendly Test Tool ปัจจุบันการใช้สมาร์ทโฟนในการทำงานหรือการเรียนเป็นเรื่องปกติมาก ทำให้การทำเว็บไซต์ที่ดีจึงควรให้ความสำคัญในการเข้าใช้งานด้วยสมาร์ทโฟนเป็นสำคัญ ซึ่งเครื่องมือนี้จะช่วยเช็คว่าเว็บไซต์รองรับการใช้งานบนมือถือหรือไม่ เพื่อให้คุณปรับเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพและรองรับการเข้าใช้งานจากกลุ่มคนที่หลากหลาย

smallseotools.com เป็นเว็บไซต์ที่ช่วยตรวจสอบคำและไวยากรณ์ รวมถึงเช็คข้อความซ้ำกับบทความอื่นที่เผยแพร่บน Search Engine เนื่องจากการเผยแพร่บทความซ้ำทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อเว็บไซต์ได้

SEMRush เครื่องมือเช็คความเหมาะสมใน การทำ SEO เครื่องมือนี้เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้รู้ว่าเว็บไซต์ที่เราทำ SEO ไปถูกทิศถูกทางหรือไม่เพื่อให้สามารถปรับเว็บไซต์ให้เหมาะสมต่อการทำ SEO ที่ดีขึ้น โดยเครื่องมือที่ช่วยเช็ค SEO

Rank Tracker เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ทราบถึงอันดับปัจจุบันของเว็บไซต์ ซึ่งได้รับความนิยมในหมู่ผู้ทำ SEO

Google Search Console เป็นเครื่องมือจาก Search Engine ชื่อดังที่ช่วยเรื่องการ Follow Backlink เพื่อเช็คประสิทธิภาพของ backlink ที่ลิงก์มายังเว็บไซต์ของเรา ซึ่ง Google Search Console เป็นเครื่องมือที่ครบครันและตอบโจทย์เรื่อง SEO

Plugin SEO เป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้าง Content SEO ที่มีคุณภาพ โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะรองรับการทำงานบน WordPress ซึ่งเป็นโปรแกรมสำเร็จรูปในการสร้างเว็บไซต์ มีทั้งแบบฟรีและเสียค่าใช้จ่าย ซึ่งตัวที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ Yoast, All in one SEO และ SEOPresser

การทำเว็บไซต์ SEO ที่ดีควรคำนึงถึงหลักการพื้นฐานในการทำ SEO ผสมกับการใช้เครื่องมือที่จะทำให้เว็บไซต์มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้เว็บไซต์ก้าวสู่อันดับบนหน้าแรกใน Search Engine ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้เป็นเครื่องมือที่เหล่านักการตลาดมือโปรเลือกใช้

SEO เครื่องมือดี ๆ ทำให้เว็บติดอันดับ 1

ทำไมปี 2020 ต้องทำ SEO ให้เว็บไซต์

ทำไมปี 2020 ต้องทำ SEO ให้เว็บไซต์

การทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ธุรกิจออนไลน์ เป็นสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญทางการตลาดแนะนำ ให้นักธุรกิจที่ต้องการประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วเรียนรู้และทำเป็นประจำ เพื่อเพิ่มโอกาสในการขายและเพิ่มฐานลูกค้าให้กว้างยิ่งขึ้น

การทำ SEO ตามระบบ search engine optimization ที่ Google แนะนำ เป็นสิ่งจำเป็นในปี 2020 อย่างมาก ไม่ว่าคุณจะอยู่ในวงการธุรกิจใด ก็ต้องเรียนรู้และเริ่มพัฒนาเว็บไซต์เสียแต่วันนี้ เพื่อเพิ่มโอกาสในการแข่งขันทางธุรกิจ แข่งขันได้ดีขึ้นกับธุรกิจใหญ่เจ้าตลาดและเว็บไซต์เปิดใหม่มากมายที่เริ่มทยอยเพิ่มจำนวนตั้งแต่ช่วงหลังปีใหม่ที่ผ่านมา

SEO ช่วยเรื่องการขายได้ดีกว่า

การทำ SEO จะช่วยเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าและบริการได้มากยิ่งขึ้น จากการเพิ่มความเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ของคุณได้หลายเท่าตัว เมื่อทำ SEO อย่างสม่ำเสมอ จะทำให้เว็บไซต์ถูกปรากฏในหน้าจอการสืบค้นที่เรียกว่า SERPs หรือ Search Engine Result Pages โดยถ้าอยู่ในอันดับที่ 1-5 จะมีอัตราการคลิกและการซื้อสินค้าจากเว็บไซต์เหล่านี้มากกว่าอันดับที่อยู่ด้านล่าง มากกว่า 80-90 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว

นอกจากนี้ ถ้าคุณไม่ต้องการที่จะเสียค่าใช้จ่ายเพื่อการโฆษณาโดยไม่จำเป็น หรือที่เรียกว่าระบบ SEM ย่อมาจาก search engine marketing หรือการเช่าพื้นที่โฆษณาในแพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น YouTube, Instagram, Facebook คุณก็ควรที่จะทำ SEO ให้แก่เว็บไซต์ทางธุรกิจเพื่อให้ผู้ใช้งาน Google ซึ่งเป็น Search Engine ที่คนทั่วโลกนิยม สืบค้นเจอได้ง่าย

การทำ SEO ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายให้แก่ Google เลย เพียงแค่ดูแลการผลิตและเผยแพร่บทความ SEO ที่มีคุณภาพอย่างสม่ำเสมอ การพัฒนาปรับปรุงโครงสร้างของเว็บไซต์ให้ใช้งานง่าย มีการแยกหมวดหมู่สินค้าที่ชัดเจน การแก้ไขลิงก์ที่เชื่อมโยงระหว่างเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่มีปัญหา การผลิตรูปภาพที่สวยงาม เพื่อใช้ประกอบเว็บไซต์ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้เป็นจุดที่ห้ามละเลยโดยเด็ดขาด

ประเด็นที่สำคัญของการทำ SEO อีกอย่าง คือ บทความที่ใช้ประกอบเว็บไซต์ จะต้องมีความเป็นเอกลักษณ์ ถ้ามีการคัดลอกหรือเลียนแบบจากที่อื่น จะส่งผลให้ระบบ algorithm ทำการปรับอันดับให้ลดลงไปอยู่อันดับล่าง ๆ รวมถึงการใช้รูปภาพที่มีการละเมิดลิขสิทธิ์จากแหล่งต่าง ๆ คุณจึงควรมองหาแหล่งเว็บไซต์ฟรี เพื่อนำรูปมาใช้ได้อย่างปลอดภัยด้วย

การทำ SEO จะเห็นผลได้ดีต่อเมื่อทำอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 3 ถึง 6 เดือนขึ้นไป ซึ่งคุณสามารถที่จะเรียนรู้การทำได้ด้วยตัวเอง โดยเฉพาะเจ้าของธุรกิจที่ต้องการควบคุมคุณภาพของเว็บไซต์ด้วยตัวเองในระยะยาว หรืออาจจะจ้างบริษัทที่มีความสามารถในการทำเว็บไซต์ SEO ก็ได้เช่นเดียวกัน

ท้ายที่สุด เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้นักธุรกิจรุ่นใหม่ที่คาดหวังความสำเร็จสูงทุกท่านเห็นความสำคัญของการทำ SEO ให้แก่เว็บไซต์ของตัวเอง เพื่อให้ธุรกิจออนไลน์ประสบความสำเร็จได้ดียิ่งขึ้น ทั้งด้านการสร้างชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จักและมียอดขายที่ดียิ่งขึ้นต่อไป

SEO ช่วยเรื่องการขายได้ดีกว่า

เรื่องน่ารู้ของการทำ SEO ให้รูปภาพ

เรื่องน่ารู้ของการทำ SEO ให้รูปภาพ

การทำ SEO หรือ search engine optimization เป็นเทคนิคที่ช่วยให้เว็บไซต์ทางธุรกิจของคุณถูกสืบค้นเจอง่ายขึ้น ซึ่งคนทั่วไปจะรู้จักว่าการทำ SEO เป็นการเลือกคำสำคัญสำหรับเขียนบทความ การทำให้โครงสร้างเว็บไซต์สวยงามมีหมวดหมู่ชัดเจน และการทำลิงก์เพื่อเชื่อมโยงไปสู่เว็บไซต์ภายนอก ประเด็นที่คนมักหลงลืม คือ การทำ SEO ให้แก่รูปภาพที่ใช้ประกอบในบทความ ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้อันดับการสืบค้นดีขึ้นได้

การทำ SEO ให้แก่รูปภาพได้รับความนิยมมากในระยะหลัง เนื่องจากคนส่วนใหญ่นิยมเลือกซื้อสินค้าจากเว็บไซต์ที่ใช้ภาพถ่ายจริงในการแนะนำสินค้า หรือมีภาพที่เป็นเอกลักษณ์ประกอบเนื้อหา เมื่อค้นหาผ่าน Google image search รูปภาพที่อยู่อันดับบน ๆ ในหน้าจอ จะได้รับการสนับสนุนในการคลิกเข้าชมและส่งเสริมยอดซื้อสินค้าและบริการได้มากขึ้น

เรามาดูกันว่าหลักการในการทำ SEO ให้รูปภาพ มีอะไรบ้าง

การปรับขนาดรูปภาพให้เหมาะสม

โดยทั่วไปแล้ว รูปภาพจะมีความละเอียดสูงหลังการใช้โปรแกรม Photoshop หรือถ่ายด้วยกล้อง แต่เมื่อต้องนำมาใช้ดาวน์โหลดลงเว็บไซต์ ต้องมีการปรับความละเอียดให้อยู่ที่ประมาณ 500-700 พิกเซล เพื่อให้ใช้ระยะเวลาในการดาวน์โหลดน้อยลง ลดความเสี่ยงในการเกิด Error ได้

รูปภาพควรมีความเป็นเอกลักษณ์

ไม่ว่าจะเป็นภาพที่มาจากการทำกราฟฟิกด้วย Photoshop หรือโปรแกรมวาดภาพทั้งในโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ หรือเป็นภาพที่ถ่ายในสตูดิโอหรือนอกสถานที่ ก็ควรที่จะไม่ซ้ำแบบใคร หากใช้นางแบบนายแบบก็ต้องเป็นคนที่มีสไตล์โดดเด่นไม่ซ้ำใคร เพื่อสร้างความจดจำให้แก่คนดู ทั้งนี้ ภาพที่ถ่ายทำขึ้นมาใหม่ จะได้คะแนน SEO ที่สูงมากกว่าภาพที่มีการนำมาจากเว็บไซต์ให้ฟรี

การใส่คำอธิบายรูปภาพ

ในส่วน alt tag ในฟังก์ชันของ wordpress ที่คนทั่วไปใช้ในการเขียนบทความ ควรใส่ keyword ให้ละเอียดที่สุด หากไม่รู้จะเริ่มจากคำว่าอะไร ให้มองหา keyword ที่ตอบโจทย์ว่า ใครอยู่ในภาพ กำลังทำท่าอะไร สิ่งของในภาพมีอะไร สีอะไรบ้าง ฯลฯ ยิ่งใส่รายละเอียดมาก จะทำให้โอกาสถูกสืบค้นมากขึ้นตามไปด้วย

ความสม่ำเสมอในการอัปเดต

รูปภาพและบทความ SEO ต้องใช้ระยะเวลาในการสะสมข้อมูลลงในระบบ เพื่อให้ algorithm ของ Google มาประมวลเป็นคะแนนเทียบกับเว็บไซต์อื่น ความขยันในการนำเสนอข้อมูลใหม่ ๆ ต่อเนื่อง 3 ถึง 6 เดือนจึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีในการทำ SEO ได้

จะเห็นได้ว่า การทำ SEO ให้ภาพ เป็นปัจจัยหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้ และยังมีรายละเอียดที่น่าสนใจอยู่หลายด้านที่ผู้มุ่งหวังความสำเร็จในธุรกิจออนไลน์ต้องศึกษา เราหวังว่าบทความนี้จะทำให้ทุกท่านเห็นช่องทางในการทำ SEO ให้รูปภาพ เพื่อส่งเสริมธุรกิจให้เติบโตมากยิ่งขึ้น

หลักการในการทำ SEO ให้รูปภาพ มีอะไรบ้าง

ประโยชน์ของ SEO ดันธุรกิจอีคอมเมิร์ซให้เติบโต

ประโยชน์การตลาดออนไลน์แบบ SEO

ธุรกิจอีคอมเมิร์ซจะอยู่รอดได้ก็ด้วยการดึงดูดลูกค้าใหม่และรักษาลูกค้าเดิมไว้ นับเป็นหลักการสำคัญที่ควรยึดถือไว้อย่างเหนียวแน่น การทำ SEO เกิดประโยชน์โดยตรงในด้านกระตุ้นการขายสินค้าและบริการบนเว็บไซต์ ช่วยลดต้นทุนพร้อมกับดันยอดขายเพิ่มขึ้น เว็บไซต์ที่ผ่านการทำ SEO จะแตกต่างจากเว็บไซต์ปกติ เข้าถึงง่าย ใช้งานสะดวก และเป็นเครื่องมือช่วยจัดการยอดขายให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น มาดูกันว่าการตลาดออนไลน์แบบ SEO นั้นมีประโยชน์อะไรให้บ้าง

ประโยชน์การตลาดออนไลน์แบบ SEO

การทำ SEO คือ กลยุทธ์การตลาดที่ดีสำหรับอีคอมเมิร์ซ การเพิ่มประสิทธิภาพกลไกค้นหาช่วยประชาสัมพันธ์แบรนด์ให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย นำเสนอข้อมูลผ่านสื่อออนไลน์ต่าง ๆ แบบประหยัดต้นทุน แผน SEO ที่มีประสิทธิภาพทำให้เว็บไซต์อยู่ในอันดับที่ดี แสดงผลการค้นหาในอันดับต้น ๆ ของ Google เพื่อให้สะดุดตา เพิ่มโอกาสให้ลูกค้าเป้าหมายคลิกเข้าเยี่ยมเว็บไซต์มาเลือกชมและสั่งซื้อสินค้าหรือบริการง่ายมากขึ้น

ปรับปรุงคุณภาพของเนื้อหา บทความที่ดีเป็นช่องทางโฆษณาเพิ่มการรับรู้ในแบรนด์สินค้า โดยใช้คีย์เวิร์ดปรับเนื้อหาให้เหมาะสม ประโยชน์ของ SEO ช่วยให้บทความในเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซหรือบล็อกนั้นน่าอ่านมากขึ้น เนื้อหาควรเชื่อมโยงกับความต้องการของลูกค้าเป้าหมาย วิธีนี้เป็นการโฆษณาที่เพิ่มจำนวนผู้เข้าชมมากมายด้วยต้นทุนเพียงเล็กน้อย บทความที่มีคุณภาพไม่ได้เพิ่มอัตราการเข้าชมรวดเร็ว แต่เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากกว่าโฆษณาแบบไวรัลที่สร้างความประทับใจในทันที

การรีมาร์เก็ตติ้งหรือติดตามลูกค้าเป้าหมายที่เคยเข้าเว็บไซต์เพื่อกระตุ้นให้กลับมาใช้งานซ้ำ โดยวิธีการแสดงโฆษณาแบบรูปภาพควบคู่กับการให้ส่วนลดและข้อเสนอพิเศษช่วยนำลูกค้าที่มีศักยภาพกลับเข้ามาชมหน้าสินค้าที่เคยเรียกดู พร้อมกับเสนอผลิตภัณฑ์สินค้าหรือบริการเพิ่มตัวเลือกที่หลากหลายมากขึ้น ยิ่งมีการทำรีมาร์เก็ตติ้งมากเท่าไร จำนวนผู้ชมที่เข้ามาใช้งานเว็บไซต์ก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นและบ่อยขึ้นเท่านั้น

การใช้คีย์เวิร์ดที่เป็นกลุ่มคำ โดยมีคีย์เวิร์ดหลักพร้อมคำขยายสร้างคำใหม่ที่มีเอกลักษณ์ ทำให้จำนวนคู่แข่งมีน้อยลง โดยปกติแล้วเว็บไซต์จัดทำโครงสร้างที่ดีต้องจัดหมวดหมู่ให้สอดคล้องกับคีย์เวิร์ดด้วย เช่น เสื้อผ้าผู้ชาย > สีน้ำเงิน > ราคาไม่แพง การลำดับโครงสร้างเพจจับคู่กับคีย์เวิร์ดแบบยาวถือเป็นกุญแจสำคัญในการออกแบบเว็บไซต์ให้เข้าถึงลูกค้ามากขึ้น ยิ่งเข้าใจความต้องการของลูกค้า ก็ยิ่งช่วยให้ลูกค้าค้นหาสิ่งที่ตอบโจทย์ความต้องการได้ดี มีแนวโน้มที่จะเพิ่มยอดขายมากขึ้นด้วย

การทำ SEO ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดเป็นการลงทุนเพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในระยะยาว โดยจะต้องคัดสรรเนื้อหาที่มีคุณภาพ พร้อมกับปรับให้เหมาะสม สำหรับ SEO ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการค้นหาในเว็บไซต์ต่อเนื่อง ลูกค้าจะเข้ามาใช้บริการและส่งผลต่อการจัดอันดับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซให้อยู่ในหน้าแรกของเครื่องมือค้นหาต่อไป วัดผลกันด้วยยอดขายสินค้าหรือบริการและกิจการที่เติบโตอย่างไม่หยุด

ด้วยวิธีของ SEO และ Search Engine นี้ จึงเป็นตัวช่วยอย่างดีสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ทั้งการลดต้นทุนค่าประชาสัมพันธ์ เพิ่มยอดขาย และสร้างฐานลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้น

ประโยชน์ของ SEO ดันธุรกิจอีคอมเมิร์ซให้เติบโต

ทำ SEO แล้วไม่ติดอันดับหน้าแรกของ Google ต้องแก้อย่างไร

ทำ SEO แล้วไม่ติดอันดับหน้าแรกของ Google ต้องแก้อย่างไร

การทำ SEO หรือ search engine optimization เป็นเรื่องที่จำเป็นสำหรับเว็บไซต์ ออนไลน์ในธุรกิจทุกประเภท เพราะจะทำให้อันดับในการถูกสืบค้นง่ายขึ้น จึงช่วยขยายแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก ส่งผลให้มียอดขายสินค้าและบริการตามมาได้

หลายคนที่ได้ลองทำ SEO ด้วยตัวเองหรือจ้างทำกับบริษัทต่าง ๆ แต่หลังจากทำแล้ว อันดับของ SEO เว็บไซต์คุณไม่ได้อยู่ในหน้าแรกอย่างที่คาดหวังไว้ เรามาดูกันว่าจะมีวิธีการจัดการอย่างไรได้บ้าง

1. ตรวจสอบ keyword

Keyword ที่ใช้ในการผลิตเนื้อหา ควรตรงกับการสืบค้นของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเสมอ หากไม่แน่ใจว่า keyword มีประสิทธิภาพไหม ควรเข้าไปใช้บริการจาก Google search Console โดยเข้าไปที่หัวข้อ performance จะมีตัวเลขและคำแนะนำให้อ่านได้อย่างละเอียด

2. ปรับโครงสร้างของเว็บไซต์

เว็บไซต์ที่ดีต้องสวยงาม และใช้งานได้ง่ายทั้งกับโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ มีการแยกประเภทหมวดหมู่สินค้าที่ชัดเจน เพื่อให้ผู้ใช้งานประทับใจ รวมถึงการมี chatbot ช่วยตอบข้อสงสัยลูกค้า จะทำให้ขยายฐานลูกค้าระยะยาวได้ดีขึ้นด้วย

3. การปรับวิธีนำเสนอในเว็บไซต์

เป้าหมายคือการเพิ่มระยะเวลา Dwell time ที่หมายถึงระยะเวลาในการอ่านข้อมูลต่าง ๆ ของผู้ที่คลิกเข้ามาชม เจ้าของเว็บไซต์จะต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการนำเสนออยู่เสมอ มีการทำคลิปของตัวเอง ที่มีการควบคุมโทนสี ธีมให้ชัดเจนเป็นเอกลักษณ์ และควรมีการแชร์บทความและคลิปจาก YouTube ที่น่าสนใจมาช่วยดึงดูดลูกค้าอีกทางหนึ่งด้วย

4. ตรวจสอบลิงก์ที่เชื่อมโยง

การมีลิงก์เชื่อมโยง ระหว่างเว็บไซต์หรือ Backlink จะช่วยให้ได้ลูกค้าใหม่ ๆ เพิ่มมาจากเว็บไซต์อื่น ซึ่งจะส่งผลบวกต่ออันดับ SEO ได้ แต่ลิงก์ที่เสียหายหรือเป็นสแปม จะให้ผลในทางตรงกันข้าม คุณจึงควรเช็คว่าลิงก์ที่ทำไว้มีประสิทธิภาพดีเพียงใด โดยการเข้าไปที่ www.seoreviewtools.com แล้วเลือกหัวข้อการตรวจสอบ Backlink จะเห็นค่าตัวเลขและผลวิเคราะห์ให้คุณต่อยอดได้อีกมาก

5. ความสม่ำเสมอในการทำเนื้อหาใหม่ ๆ

การวิเคราะห์ของระบบ AI ใน Google จะมาจากการตรวจข้อมูลเป็นระยะ ๆ ผู้ที่นำเสนอเนื้อหาใหม่ ๆ อย่างสม่ำเสมอ จึงจะได้รับผลอันดับ SEO ที่ดีอยู่ในหน้าแรกของ Google การนำเสนอเนื้อหาที่มีความสดใหม่และแตกต่าง คือ หัวใจสำคัญที่ทำให้คุณมีลูกค้าประจำและลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อย่าลืมว่า ปัจจุบันมีเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลน่าสนใจจำนวนมาก หากคุณไม่สามารถทำเนื้อหาให้โดดเด่น ก็เท่ากับไม่สามารถทำให้ก้าวสู่การประสบความสำเร็จทั้งด้านอันดับ SEO และการสร้างแบรนด์ได้

การทำเว็บไซต์ SEO จำเป็นต้องใส่ใจองค์ประกอบหลายด้าน ดังที่กล่าวมา เราหวังว่าบทความนี้ จะช่วยให้ทุกท่านได้ตรวจสอบคุณภาพของเว็บไซต์ SEO ด้วยตัวเอง เพื่อการปรับแก้ไขให้ถูกจุดต่อไป

ทำ SEO ด้วยตัวเองหรือจ้างทำ