คลังเก็บป้ายกำกับ: การทำ SEO

เปิดใจให้ SEO ในยุคของการทำการตลาดในโลกดิจิทัล

ถ้าพูดถึงการทำการตลาดที่มาแรงและมีที่สุดในตอนนี้ ก็ต้องยกให้การตลาดแบบดิจทัล เนื่องด้วยธุรกิจในปัจจุบันอยู่ในช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ เป็นช่องทางที่ผู้คนสามารถเชื่อมต่อและเข้าถึงได้ง่ายดายเพียงแค่มีอุปกรณ์มือถือ คอมพิวเตอร์ที่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ การทำ SEO สำหรับเจ้าของแบรนด์ในตลาดดิจิตอลจึงเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ เนื่องด้วยในปัจจุบันผู้คนมีการสืบค้นข้อมูลผ่านช่องทาง google เป็นจำนวนมากทั่วทั้งโลก  ทั้งนี้หลายคนอาจมีข้อสงสัยว่าการทำ SEO นั้นมีประโยชน์และจำเป็นต่อธุรกิจอย่างไรบ้าง ตามไปพบกับคำตอบกันได้เลย

ประโยชน์ของการทำ SEO ในตลาดดิจิตอล

  • ช่วยส่งเสริมเรื่องการจดจำแบรนด์สินค้าหรือบริการของคุณ ด้วยเมื่อมีการกดค้นหาเว็บไซต์หรือข้อมูลผ่านคีย์เวิร์ดต่าง ๆ แล้วเว็บไซต์อยู่ในหน้าการค้นหาต้น ๆ จากการทำ SEO ที่ถูกต้อง ก็จะทำให้ผู้คนหรือกลุ่มเป้าหมายสามารถที่จะมีการจดจำแบรนด์ได้มากขึ้น เพราะพบเห็นได้บ่อยมากขึ้นกว่าเดิมด้วย
  • ช่วยให้เราสามารถเพิ่มยอดขายหรือฐานลูกค้ามากกว่าที่เคย ด้วยการที่ทำ SEO นั้นสามารถช่วยให้เว็บไซต์ของคุณอยู่ในอันดับที่ดีขึ้นจากการจัดอันดับเว็บไซต์ต่าง ๆ ซึ่งอาศัยองค์ประกอบหลากหลายอย่าง ผู้คนที่เข้ามาโดยผ่านทาง Search engine เป็นผู้คนที่มีความสนใจในสินค้าบริการเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสในการกดเข้าไปรับชมเว็บไซต์ของทางแบรนด์ก็จะทำให้มีโอกาสในการสนใจสินค้าและบริการ เพิ่มการต่อยอดการขายได้มากขึ้น
  • สามารถโปรโมทเว็บไซต์โดยไม่ต้องใช้งบประมาณในการโฆษณา อย่างที่จะเคยพบเห็นเว็บไซต์ในหน้าของผลลัพธ์ในการค้นหาที่อยู่ในพื้นที่โฆษณา แล้วจะเห็นว่าในหน้านั้น ๆ มีเว็บไซต์อื่น ๆ ที่อยู่รองลงมาด้านล่างที่ไม่ใช่เป็นพื้นที่โฆษณา เว็บไซต์เหล่านั้นก็คือเว็บไซต์ที่ได้รับการจัดอันดับขึ้นมาผ่านการประเมินด้วยการวัดผลและเกณฑ์ต่าง ๆ ของทาง google ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วก็เว็บไซต์ที่มีการทำ SEO อย่างถูกต้อง มีประสิทธิภาพ มีเนื้อหาที่เป็นประโยชน์สำหรับผู้อ่านและผู้เข้ารับชม โดยถ้าเจ้าของเว็บไซต์ให้ความสำคัญกับการทำ SEO มีความสม่ำเสมอและทำอย่างถูกวิธี การไปเป็นเว็บไซต์ในหน้าการค้นหาแรก ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อมอย่างแน่นอน

และทั้งหมดนี้ก็เป็นประโยชน์ของการทำ SEO ในยุคของตลาดดิจิตอล ที่ดีต่อแบรนด์หรือธุรกิจของคุณในระยะสั้นและระยะยาว ช่วยสร้างคุณภาพและมาตรฐานในการทำเว็บไซต์ให้ก้าวไปอีกขั้น เป็นหนึ่งในกระบวนการทำการตลาดแบบออนไลน์ที่สามารถให้ผลลัพธ์ที่ดี เหมาะสำหรับเจ้าของเว็บไซต์ที่ต้องการการเตรียมพร้อมรับการทำตลาดในโลกดิจิตอลแบบมั่นใจ

ตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับการทำ SEO ที่เจ้าของธุรกิจต้องร้องว้าว

เมื่อพูดถึง SEO หลาย ๆ คนก็คงพอจะเคยได้ยินมาบ้าง สำหรับเจ้าของธุรกิจแล้วหลายคนอาจคุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่ก็ยังอดมีคำถามไม่ได้ว่าทำไมจึงต้องให้ความสำคัญกับ SEO อย่างมาก โดยในวันนี้จะพาทุกคนไปพบกับคำตอบที่บอกได้เลยว่ามีประโยชน์กับเจ้าของแบรนด์ต่าง ๆ อย่างแน่นอน

ทำไมต้องให้ความสำคัญกับ SEO

กับคำถามที่ว่าทำไมต้องทำ SEO มีข้อดีอย่างบ้าง? ตอบได้เลยว่ามีข้อดีตรงที่ช่วยทำให้เว็บไซต์ไปติดอันดับในลำดับหน้าการค้นหาแรก ๆ รองจากเว็บไซต์ที่มีการซื้อโฆษณาที่มักจะเจอกันเป็นประจำในหน้าผลลัพธ์การค้นหาของเว็บไซต์ google โดยการที่เว็บไซต์ติดอันดับต้น ๆ นั้นจะช่วยทำให้ปริมาณการคลิกเข้ามารับชมเว็บไซต์ เข้าสู่เว็บไซต์มีมาก เพิ่มโอกาสในการรับชมเนื้อหาข้อมูล รวมถึงได้เข้ามาทำความรู้จักกับสินค้า ผลิตภัณฑ์และบริการของทางแบรนด์มากขึ้น เป็นวิธีการที่จะช่วยให้สามารถแข่งขันกับเว็บไซต์อื่น ๆ ได้ในระยะยาว เพราะเป็นการจัดอันดับของทาง google ไม่ได้เกิดจากการซื้อโฆษณา ลองคิดตามดูว่าถ้าหากอันดับของเว็บไซต์อยู่ในหน้าการค้นหาหลัง ๆ ก็จะทำให้โอกาสในการคลิกเข้าชมเว็บไซต์น้อยลงไปด้วย การเพิ่มยอดขายหรือยอดการใช้บริการก็จะเป็นเรื่องยาก

คำถามที่ว่าช่วงเวลาไหนที่เหมาะสำหรับการเริ่มต้นทำ SEO ที่สุด ตอบได้ไม่ยากเลย ก็คือปัจจุบัน เนื่องด้วยการทำ SEO ต้องอาศัยระยะเวลาในการทำพอสมควร เพราะไม่ใช่การซื้อโฆษณา ซึ่งบอกได้ยากว่าจะทำไปกี่เดือนแล้วจึงจะสามารถไต่อันดับขึ้นมาได้ การเริ่มต้นทำ SEO อย่างมีประสิทธิภาพและสม่ำเสมอจึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุด เมื่อเริ่มต้นทำแล้วก็ยังจะต้องมีการปรับเปลี่ยน เพิ่มเติมโครงสร้าง องค์ประกอบอยู่เรื่อย ๆ รวมถึงวิธีการจัดการต่าง ๆ ด้วย ยิ่งเริ่มต้นในการทำ SEO ได้เร็วมากเท่าไหร่ก็ถือว่าได้เปรียบคู่แข่งมากเท่านั้น

คำถามที่ว่าถ้าอยากทำ SEO แต่ไม่มีความเชี่ยวชาญและขาดทักษะด้านโซเชียลมีเดีย ควรที่จะทำอย่างไรได้บ้าง คำตอบก็คือปรึกษาและขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ทั้งด้านการออกแบบเว็บไซต์ การสร้างเอกลักษณ์ที่น่าสนใจ การสร้างคอนเทนต์ การทำกราฟิกรูปภาพ เนื้อหา บทความที่มีคุณภาพที่สามารถดึงดูดผู้คนให้เข้ามารับชมเว็บไซต์ได้อย่างต่อเนื่อง โดยถ้าหากทำออกมาได้ดีทุกองค์ประกอบ การเลื่อนอันดับของเว็บไซต์ให้กลายเป็นเว็บไซต์ยอดนิยมก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมอย่างแน่นอน

จัดเต็มคำตอบมาแบบเน้น ๆ เลยทีเดียว ทั้งความหมาย ประโยชน์ แนวทางในการทำให้เว็บไซต์ติดอันดับและอื่น ๆ อีกมากมาย ถ้าหากว่าคุณเป็นเจ้าของธุรกิจที่อยากทำ SEO อย่างมีประสิทธิภาพละก็สามารถนำข้อมูลข้างต้นไปปรับใช้ได้เลย

Off-Page SEO สิ่งสำคัญที่ทำให้เว็บไซต์ประสบความสำเร็จ

การทำให้เว็บไซต์ติดอันดับการค้นหาใน Google เพื่อให้ลูกค้าเห็นสินค้าและบริการของเราเป็นอันดับแรก ๆ นั้นมีสองวิธีคือ ซื้อพื้นที่โฆษณาของ Google ซึ่งมีราคาตั้งแต่หลักสิบไปถึงหลักล้านบาท และอีกวิธีหนึ่งที่ไม่เสียเงินแล้วยังทำให้เว็บไซต์ติดอันดับแบบธรรมชาติและยาวนาน นั่นคือการทำ SEO การทำ SEO นั้นมีหลายส่วน วันนี้เรามาดูส่วนของ Off-Page SEO กัน

OFF-Page SEO คืออะไร

Off-Page SEO คือการสร้าง Traffic หรือการทำให้มีผู้เข้ามาชมเว็บไซต์จำนวนมาก ส่งผลให้เว็บไซต์มีความน่าเชื่อถือและเป็นที่นิยม จึงติดอันดับของ Google ในที่สุด

Off-Page SEO ทำได้ดังนี้

สร้าง Digital Branding – Digital Branding คือการสร้างแบรนด์สินค้าบนโลกออนไลน์ หรือเรียกง่ายๆ ว่า ตั้งชื่อให้สินค้าที่เราจะขายบนอินเทอร์เน็ตนั่นเอง สิ่งนี้จำเป็นเพราะจะเพิ่มความชัดเจนและโดดเด่นของตัวสินค้าและความน่าเชื่อถือ หากไม่มีชื่อแบรนด์ลูกค้าก็ยากที่จะจำสินค้าของเราได้และโอกาสที่จะกลับมาซื้ออีกก็มีน้อย

สร้าง Backlink – Backlink คือลิงก์หรือ URL ที่กดแล้วเข้ามายังเว็บไซต์ของเรา เป็นปัจจัยหลักในการทำ Off-Page SEO เมื่อได้ Backlink แล้วก็นำไปแปะในเว็บไซต์อื่น ๆ อย่างเช่น เว็บไซต์พันทิป ( Pantip.com ) เมื่อมีคนตั้งกระทู้ว่า “ แนะนำมือถือ สเป็กดี งบไม่เกิน 5,000 หน่อยค่ะ ” ก็เข้าไปตอบกระทู้นั้น โดยแปะลิงก์ร้านขายมือถือของเรา แบบนี้เป็นต้น แต่การแปะ Backlink ต้องดูความเหมาะสมและต้องเคารพกฎของเว็บไซต์นั้นด้วย

สร้างโปรไฟล์แบรนด์ของเราในโซเชียลมีเดีย – สร้าง Facebook, Instagram, Tiktok หรือ Youtube นำลิงก์ของเราไปแปะไว้ ตัวอย่างเช่น โซเชียลมีเดียอาจเอาไว้ให้ลูกค้าสอบถามข้อมูล แต่หากลูกค้าอยากดูสินค้าให้กดลิงค์เข้ามาในเว็บไซต์และทำการซื้อของในเว็บไซต์

ข้อควรระวังในการทำ Backlink

Backlink คือปัจจัยหลักในการทำ Off-Page SEO ไม่ควรทำลิงก์เชื่อมโยงจากเว็บไซต์อื่นที่เว็บไซต์นั้น ๆ มีเนื้อหาที่ไม่สอดคล้องกับเว็บไซต์ของเรา ไม่ควรใช้โปรแกรมสร้างลิงก์อัตโนมัติ (Automatic Link Building Program) ที่ผลิตลิงก์เยอะ ๆ ไม่ควรสร้าง Content หลอก ๆ มาเพื่อยิงลิงค์ออกเพียงอย่างเดียว การทำแบบนี้จะถูก Search Engin มองว่าเป็นสแปมและเว็บไซต์อาจจะถูกแบนได้

อยากให้เว็บไซต์ประสบความสำเร็จหรือติดอันดับการค้นหาต้องทำ Off-Page SEO ซึ่งปัจจัยหลัก ๆ คือการทำ Off-Page SEO คือการทำ Backlink ทั้งนี้ควรทำ Backlink ให้ถูกต้องและมีคุณภาพ เพราะหากหันไปใช้วิธีลัดด้วย Backlink ปลอม ๆ เว็บไซต์ที่ทำมาเหนื่อยยากแสนเข็นอาจถูกปิดหรือแบนได้

ประโยชน์ของ SEO 5 ข้อ ที่ทำให้แบรนด์ของคุณได้เปรียบคู่แข่ง

SEO ช่วยให้ธุรกิจของคุณต่อสู่กับคู่แข่งได้อย่างไร

ในปัจจุบัน การทำ SEO เป็นสิ่งที่หลายองค์กรต่างให้ความสนใจ เพราะการแข่งขันทางการตลาดนั้นนับวันยิ่งมีความดุเดือดมากขึ้น ซึ่ง SEO คือทางออกของการแข่งขันของธุรกิจบนโลกออนไลน์ได้ แล้วสิ่งที่ SEO จะช่วยให้ธุรกิจของคุณต่อสู่กับคู่แข่งได้นั้นมีอะไรบ้างเรามาสำรวจกันเลยดีกว่า

SEO ช่วยให้ธุรกิจของคุณต่อสู่กับคู่แข่งได้อย่างไร

1. ทำให้แบรนด์ได้ลูกค้าที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย

การที่ลูกค้าคลิกเข้าไปดูรายละเอียดและเนื้อหาในเว็บไซต์ของคุณผ่านการค้นหาผ่าน search engine โดยใช้คีย์เวิร์ดที่คุณใช้ทำ SEO โดยคุณไม่ได้โฆษณาเพื่อให้ได้ traffic เข้าไปยังเว็บไซต์ ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีมากเลยทีเดียวล่ะ เพราะนั่นหมายความว่า SEO ช่วยดึงกลุ่มเป้าหมายของคุณเข้ามายังเว็บไซต์ได้

2. เพิ่มการมองเห็นหรือ awareness ให้กับแบรนด์

ในการสร้าง brand awareness บนโลกออฟไลน์นั้นหลาย ๆ แบรนด์จะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากเพื่อให้แบรนด์เป็นที่รู้จักของลูกค้า แต่สมัยนี้การสร้างแบรนด์ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะการทำ SEO นั้นสามารถค่อย ๆ สร้างแบรนด์ควบคู่ไปด้วยกันผ่านเนื้อหาได้หลากหลายรูปแบบตามที่แบรนด์ต้องการได้

3. ช่วยประหยัดงบประมาณทางการตลาดในระยะยาว

หนึ่งในงบประมาณที่แต่ละแบรนด์จะต้องกุมขมับทุกปีเมื่อมีการวางแผนเรื่องค่าใช้จ่ายนั่นก็คือ งบประมาณทางด้านการตลาด เพราะหลายแบรนด์จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากไปกับการตลาดเพื่อให้กลุ่มลูกค้าเข้าถึงแบรนด์ให้ได้ แต่ SEO จะช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องการสร้างแบรนด์ลงได้ในระยะยาว

4. เพิ่มความได้เปรียบทางการแข่งขันบนโลกออนไลน์

ลองคิดดูสิว่าการที่คุณขายสินค้าแบบเดียวกับคู่แข่ง ซึ่งทำให้คุณไม่สามารถเพิ่มราคาสูงกว่าคู่แข่งได้ หากกกลุ่มลูกค้าของคุณกำลังค้นหาสินค้าหรือการบริการที่คุณมีแบบเดียวกับคู่แข่ง แต่ลูกค้ากลับค้นหาสินค้าหรือบริการของคุณได้ก่อน ย่อมทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อจากคุณมากกว่าคู่แข่งที่ไปอยู่ในหน้าท้าย ๆ ของ search engine แน่นอน

5. เป็นการโปรโมทแบรนด์บนโลกออนไลน์ได้ตลอดเวลา

หากเป็นการโฆษณานั้น คุณจะต้องใช้เงินเพื่อให้โฆษณาของคุณไปปรากฏอยู่ที่หน้าจอของลูกค้า แต่เมื่อไหร่ที่คุณสามารถทำให้เว็บไซต์ตัวเองไปอยู่หน้าแรกของ search engine แล้ว ไม่ว่าจะเวลาไหนเว็บไซต์ของคุณก็จะปรากฏบนหน้าจอของลูกค้าแบบไม่ต้องใช้เงิน แค่รักษาอันดับเอาไว้ก็จะเป็นการโปรโมทแบรนด์ของคุณให้แสดงบนหน้าจอของลูกค้าได้แบบ 24 ชั่วโมง

เห็นไหมว่าการทำให้เว็บไซต์ของคุณขึ้นไปอยู่อันดับต้น ๆ ของ search engine นั้นให้ประโยชน์แก่ธุรกิจของคุณหลายข้อเลยทีเดียว และที่สำคัญ การทำ SEO จะช่วยทำให้คุณประหยัดงบประมาณทางการตลาดในระยะยาวได้อีกด้วย แล้วคุณล่ะ อยากใช้วิธีการทำ SEO ช่วยให้ธุรกิจของคุณอยู่ในสายตาของกลุ่มเป้าหมายบนโลกออนไลน์หรือไม่

ประโยชน์ของ SEO 5 ข้อ ที่ทำให้แบรนด์ของคุณได้เปรียบคู่แข่ง

ทำไมปี 2020 ต้องทำ SEO ให้เว็บไซต์

ทำไมปี 2020 ต้องทำ SEO ให้เว็บไซต์

การทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ธุรกิจออนไลน์ เป็นสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญทางการตลาดแนะนำ ให้นักธุรกิจที่ต้องการประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วเรียนรู้และทำเป็นประจำ เพื่อเพิ่มโอกาสในการขายและเพิ่มฐานลูกค้าให้กว้างยิ่งขึ้น

การทำ SEO ตามระบบ search engine optimization ที่ Google แนะนำ เป็นสิ่งจำเป็นในปี 2020 อย่างมาก ไม่ว่าคุณจะอยู่ในวงการธุรกิจใด ก็ต้องเรียนรู้และเริ่มพัฒนาเว็บไซต์เสียแต่วันนี้ เพื่อเพิ่มโอกาสในการแข่งขันทางธุรกิจ แข่งขันได้ดีขึ้นกับธุรกิจใหญ่เจ้าตลาดและเว็บไซต์เปิดใหม่มากมายที่เริ่มทยอยเพิ่มจำนวนตั้งแต่ช่วงหลังปีใหม่ที่ผ่านมา

SEO ช่วยเรื่องการขายได้ดีกว่า

การทำ SEO จะช่วยเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าและบริการได้มากยิ่งขึ้น จากการเพิ่มความเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ของคุณได้หลายเท่าตัว เมื่อทำ SEO อย่างสม่ำเสมอ จะทำให้เว็บไซต์ถูกปรากฏในหน้าจอการสืบค้นที่เรียกว่า SERPs หรือ Search Engine Result Pages โดยถ้าอยู่ในอันดับที่ 1-5 จะมีอัตราการคลิกและการซื้อสินค้าจากเว็บไซต์เหล่านี้มากกว่าอันดับที่อยู่ด้านล่าง มากกว่า 80-90 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว

นอกจากนี้ ถ้าคุณไม่ต้องการที่จะเสียค่าใช้จ่ายเพื่อการโฆษณาโดยไม่จำเป็น หรือที่เรียกว่าระบบ SEM ย่อมาจาก search engine marketing หรือการเช่าพื้นที่โฆษณาในแพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น YouTube, Instagram, Facebook คุณก็ควรที่จะทำ SEO ให้แก่เว็บไซต์ทางธุรกิจเพื่อให้ผู้ใช้งาน Google ซึ่งเป็น Search Engine ที่คนทั่วโลกนิยม สืบค้นเจอได้ง่าย

การทำ SEO ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายให้แก่ Google เลย เพียงแค่ดูแลการผลิตและเผยแพร่บทความ SEO ที่มีคุณภาพอย่างสม่ำเสมอ การพัฒนาปรับปรุงโครงสร้างของเว็บไซต์ให้ใช้งานง่าย มีการแยกหมวดหมู่สินค้าที่ชัดเจน การแก้ไขลิงก์ที่เชื่อมโยงระหว่างเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่มีปัญหา การผลิตรูปภาพที่สวยงาม เพื่อใช้ประกอบเว็บไซต์ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้เป็นจุดที่ห้ามละเลยโดยเด็ดขาด

ประเด็นที่สำคัญของการทำ SEO อีกอย่าง คือ บทความที่ใช้ประกอบเว็บไซต์ จะต้องมีความเป็นเอกลักษณ์ ถ้ามีการคัดลอกหรือเลียนแบบจากที่อื่น จะส่งผลให้ระบบ algorithm ทำการปรับอันดับให้ลดลงไปอยู่อันดับล่าง ๆ รวมถึงการใช้รูปภาพที่มีการละเมิดลิขสิทธิ์จากแหล่งต่าง ๆ คุณจึงควรมองหาแหล่งเว็บไซต์ฟรี เพื่อนำรูปมาใช้ได้อย่างปลอดภัยด้วย

การทำ SEO จะเห็นผลได้ดีต่อเมื่อทำอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 3 ถึง 6 เดือนขึ้นไป ซึ่งคุณสามารถที่จะเรียนรู้การทำได้ด้วยตัวเอง โดยเฉพาะเจ้าของธุรกิจที่ต้องการควบคุมคุณภาพของเว็บไซต์ด้วยตัวเองในระยะยาว หรืออาจจะจ้างบริษัทที่มีความสามารถในการทำเว็บไซต์ SEO ก็ได้เช่นเดียวกัน

ท้ายที่สุด เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้นักธุรกิจรุ่นใหม่ที่คาดหวังความสำเร็จสูงทุกท่านเห็นความสำคัญของการทำ SEO ให้แก่เว็บไซต์ของตัวเอง เพื่อให้ธุรกิจออนไลน์ประสบความสำเร็จได้ดียิ่งขึ้น ทั้งด้านการสร้างชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จักและมียอดขายที่ดียิ่งขึ้นต่อไป

SEO ช่วยเรื่องการขายได้ดีกว่า

ประโยชน์ของ SEO ดันธุรกิจอีคอมเมิร์ซให้เติบโต

ประโยชน์การตลาดออนไลน์แบบ SEO

ธุรกิจอีคอมเมิร์ซจะอยู่รอดได้ก็ด้วยการดึงดูดลูกค้าใหม่และรักษาลูกค้าเดิมไว้ นับเป็นหลักการสำคัญที่ควรยึดถือไว้อย่างเหนียวแน่น การทำ SEO เกิดประโยชน์โดยตรงในด้านกระตุ้นการขายสินค้าและบริการบนเว็บไซต์ ช่วยลดต้นทุนพร้อมกับดันยอดขายเพิ่มขึ้น เว็บไซต์ที่ผ่านการทำ SEO จะแตกต่างจากเว็บไซต์ปกติ เข้าถึงง่าย ใช้งานสะดวก และเป็นเครื่องมือช่วยจัดการยอดขายให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น มาดูกันว่าการตลาดออนไลน์แบบ SEO นั้นมีประโยชน์อะไรให้บ้าง

ประโยชน์การตลาดออนไลน์แบบ SEO

การทำ SEO คือ กลยุทธ์การตลาดที่ดีสำหรับอีคอมเมิร์ซ การเพิ่มประสิทธิภาพกลไกค้นหาช่วยประชาสัมพันธ์แบรนด์ให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย นำเสนอข้อมูลผ่านสื่อออนไลน์ต่าง ๆ แบบประหยัดต้นทุน แผน SEO ที่มีประสิทธิภาพทำให้เว็บไซต์อยู่ในอันดับที่ดี แสดงผลการค้นหาในอันดับต้น ๆ ของ Google เพื่อให้สะดุดตา เพิ่มโอกาสให้ลูกค้าเป้าหมายคลิกเข้าเยี่ยมเว็บไซต์มาเลือกชมและสั่งซื้อสินค้าหรือบริการง่ายมากขึ้น

ปรับปรุงคุณภาพของเนื้อหา บทความที่ดีเป็นช่องทางโฆษณาเพิ่มการรับรู้ในแบรนด์สินค้า โดยใช้คีย์เวิร์ดปรับเนื้อหาให้เหมาะสม ประโยชน์ของ SEO ช่วยให้บทความในเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซหรือบล็อกนั้นน่าอ่านมากขึ้น เนื้อหาควรเชื่อมโยงกับความต้องการของลูกค้าเป้าหมาย วิธีนี้เป็นการโฆษณาที่เพิ่มจำนวนผู้เข้าชมมากมายด้วยต้นทุนเพียงเล็กน้อย บทความที่มีคุณภาพไม่ได้เพิ่มอัตราการเข้าชมรวดเร็ว แต่เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากกว่าโฆษณาแบบไวรัลที่สร้างความประทับใจในทันที

การรีมาร์เก็ตติ้งหรือติดตามลูกค้าเป้าหมายที่เคยเข้าเว็บไซต์เพื่อกระตุ้นให้กลับมาใช้งานซ้ำ โดยวิธีการแสดงโฆษณาแบบรูปภาพควบคู่กับการให้ส่วนลดและข้อเสนอพิเศษช่วยนำลูกค้าที่มีศักยภาพกลับเข้ามาชมหน้าสินค้าที่เคยเรียกดู พร้อมกับเสนอผลิตภัณฑ์สินค้าหรือบริการเพิ่มตัวเลือกที่หลากหลายมากขึ้น ยิ่งมีการทำรีมาร์เก็ตติ้งมากเท่าไร จำนวนผู้ชมที่เข้ามาใช้งานเว็บไซต์ก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นและบ่อยขึ้นเท่านั้น

การใช้คีย์เวิร์ดที่เป็นกลุ่มคำ โดยมีคีย์เวิร์ดหลักพร้อมคำขยายสร้างคำใหม่ที่มีเอกลักษณ์ ทำให้จำนวนคู่แข่งมีน้อยลง โดยปกติแล้วเว็บไซต์จัดทำโครงสร้างที่ดีต้องจัดหมวดหมู่ให้สอดคล้องกับคีย์เวิร์ดด้วย เช่น เสื้อผ้าผู้ชาย > สีน้ำเงิน > ราคาไม่แพง การลำดับโครงสร้างเพจจับคู่กับคีย์เวิร์ดแบบยาวถือเป็นกุญแจสำคัญในการออกแบบเว็บไซต์ให้เข้าถึงลูกค้ามากขึ้น ยิ่งเข้าใจความต้องการของลูกค้า ก็ยิ่งช่วยให้ลูกค้าค้นหาสิ่งที่ตอบโจทย์ความต้องการได้ดี มีแนวโน้มที่จะเพิ่มยอดขายมากขึ้นด้วย

การทำ SEO ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดเป็นการลงทุนเพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในระยะยาว โดยจะต้องคัดสรรเนื้อหาที่มีคุณภาพ พร้อมกับปรับให้เหมาะสม สำหรับ SEO ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการค้นหาในเว็บไซต์ต่อเนื่อง ลูกค้าจะเข้ามาใช้บริการและส่งผลต่อการจัดอันดับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซให้อยู่ในหน้าแรกของเครื่องมือค้นหาต่อไป วัดผลกันด้วยยอดขายสินค้าหรือบริการและกิจการที่เติบโตอย่างไม่หยุด

ด้วยวิธีของ SEO และ Search Engine นี้ จึงเป็นตัวช่วยอย่างดีสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ทั้งการลดต้นทุนค่าประชาสัมพันธ์ เพิ่มยอดขาย และสร้างฐานลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้น

ประโยชน์ของ SEO ดันธุรกิจอีคอมเมิร์ซให้เติบโต

ทำ SEO แล้วไม่ติดอันดับหน้าแรกของ Google ต้องแก้อย่างไร

ทำ SEO แล้วไม่ติดอันดับหน้าแรกของ Google ต้องแก้อย่างไร

การทำ SEO หรือ search engine optimization เป็นเรื่องที่จำเป็นสำหรับเว็บไซต์ ออนไลน์ในธุรกิจทุกประเภท เพราะจะทำให้อันดับในการถูกสืบค้นง่ายขึ้น จึงช่วยขยายแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก ส่งผลให้มียอดขายสินค้าและบริการตามมาได้

หลายคนที่ได้ลองทำ SEO ด้วยตัวเองหรือจ้างทำกับบริษัทต่าง ๆ แต่หลังจากทำแล้ว อันดับของ SEO เว็บไซต์คุณไม่ได้อยู่ในหน้าแรกอย่างที่คาดหวังไว้ เรามาดูกันว่าจะมีวิธีการจัดการอย่างไรได้บ้าง

1. ตรวจสอบ keyword

Keyword ที่ใช้ในการผลิตเนื้อหา ควรตรงกับการสืบค้นของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเสมอ หากไม่แน่ใจว่า keyword มีประสิทธิภาพไหม ควรเข้าไปใช้บริการจาก Google search Console โดยเข้าไปที่หัวข้อ performance จะมีตัวเลขและคำแนะนำให้อ่านได้อย่างละเอียด

2. ปรับโครงสร้างของเว็บไซต์

เว็บไซต์ที่ดีต้องสวยงาม และใช้งานได้ง่ายทั้งกับโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ มีการแยกประเภทหมวดหมู่สินค้าที่ชัดเจน เพื่อให้ผู้ใช้งานประทับใจ รวมถึงการมี chatbot ช่วยตอบข้อสงสัยลูกค้า จะทำให้ขยายฐานลูกค้าระยะยาวได้ดีขึ้นด้วย

3. การปรับวิธีนำเสนอในเว็บไซต์

เป้าหมายคือการเพิ่มระยะเวลา Dwell time ที่หมายถึงระยะเวลาในการอ่านข้อมูลต่าง ๆ ของผู้ที่คลิกเข้ามาชม เจ้าของเว็บไซต์จะต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการนำเสนออยู่เสมอ มีการทำคลิปของตัวเอง ที่มีการควบคุมโทนสี ธีมให้ชัดเจนเป็นเอกลักษณ์ และควรมีการแชร์บทความและคลิปจาก YouTube ที่น่าสนใจมาช่วยดึงดูดลูกค้าอีกทางหนึ่งด้วย

4. ตรวจสอบลิงก์ที่เชื่อมโยง

การมีลิงก์เชื่อมโยง ระหว่างเว็บไซต์หรือ Backlink จะช่วยให้ได้ลูกค้าใหม่ ๆ เพิ่มมาจากเว็บไซต์อื่น ซึ่งจะส่งผลบวกต่ออันดับ SEO ได้ แต่ลิงก์ที่เสียหายหรือเป็นสแปม จะให้ผลในทางตรงกันข้าม คุณจึงควรเช็คว่าลิงก์ที่ทำไว้มีประสิทธิภาพดีเพียงใด โดยการเข้าไปที่ www.seoreviewtools.com แล้วเลือกหัวข้อการตรวจสอบ Backlink จะเห็นค่าตัวเลขและผลวิเคราะห์ให้คุณต่อยอดได้อีกมาก

5. ความสม่ำเสมอในการทำเนื้อหาใหม่ ๆ

การวิเคราะห์ของระบบ AI ใน Google จะมาจากการตรวจข้อมูลเป็นระยะ ๆ ผู้ที่นำเสนอเนื้อหาใหม่ ๆ อย่างสม่ำเสมอ จึงจะได้รับผลอันดับ SEO ที่ดีอยู่ในหน้าแรกของ Google การนำเสนอเนื้อหาที่มีความสดใหม่และแตกต่าง คือ หัวใจสำคัญที่ทำให้คุณมีลูกค้าประจำและลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อย่าลืมว่า ปัจจุบันมีเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลน่าสนใจจำนวนมาก หากคุณไม่สามารถทำเนื้อหาให้โดดเด่น ก็เท่ากับไม่สามารถทำให้ก้าวสู่การประสบความสำเร็จทั้งด้านอันดับ SEO และการสร้างแบรนด์ได้

การทำเว็บไซต์ SEO จำเป็นต้องใส่ใจองค์ประกอบหลายด้าน ดังที่กล่าวมา เราหวังว่าบทความนี้ จะช่วยให้ทุกท่านได้ตรวจสอบคุณภาพของเว็บไซต์ SEO ด้วยตัวเอง เพื่อการปรับแก้ไขให้ถูกจุดต่อไป

ทำ SEO ด้วยตัวเองหรือจ้างทำ

ความสำคัญและการเลือก keyword ในเว็บไซต์ SEO

การทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ทางธุรกิจตามเกณฑ์ที่ Google กำหนด เป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญมาก เพราะส่งผลโดยตรงต่ออันดับในการนำเสนอเว็บไซต์ในหน้าต่างการสืบค้น ที่ทำให้ลูกค้ามีความเชื่อถือและสนใจต้องการซื้อสินค้าและบริการ

ในการผลิตบทความสำหรับเว็บไซต์ SEO จึงต้องเลือก keyword ที่ผ่านการวิเคราะห์มาแล้วว่าตรงกับที่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายใช้พิมพ์ค้นหาร้านค้าหรือบริการ ซึ่งคีย์เวิร์ดนี้ยังจะถูกใช้ในการคิดหัวข้อและเขียนส่วน Meta Description ที่เป็นการสรุปเนื้อหาโดยรวมที่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายจะได้เห็น เพื่อเป็นการจูงใจให้คลิกเข้ามาอ่านข้อมูลฉบับเต็มในเพจ แล้วนำไปสู่การขายสินค้าและบริการทางธุรกิจ

เลือก keyword ทำ SEO ต้องคำนึงถึงอะไร

การเลือก keyword ทำ SEO ควรมีเป้าหมายว่าต้องการส่งเสริมการขายสินค้าหรือบริการใด เช่น กรณีที่คุณเปิดกิจการธุรกิจด้านความงาม ต้องการส่งเสริมให้คนมาฉีดโบท็อกลดริ้วรอย ก็ควรใช้คำว่า โบท็อก ในการเป็นคีย์เวิร์ดหลักในการเขียนบทความ และนำมาผสมคำกับศัพท์อื่น ๆ ที่สามารถสืบค้นได้จากช่อง Google search

โดย Google.co.th เป็นช่องทางที่คนทั่วไปใช้พิมพ์หาข้อมูล คุณก็ทำเช่นเดียวกัน ลองพิมพ์คำว่า โบท็อก จะปรากฏตัวอย่างคำที่เคยมีคนค้นหาจริงอีกมากมาย เช่น โบท็อกคืออะไร โบท็อกที่ดีที่สุด โบท็อกที่ไหนดี โบท็อกลดริ้วรอย โบท็อกราคา เป็นต้น ซึ่งคุณสามารถนำคำสำคัญเหล่านี้มาใช้ได้

ทั้งนี้ หากเป็นคำที่มีความยาว อย่างเช่น โบท็อกยี่ห้อไหนดี 2019 กรณีนี้ เรียกว่าเป็น long Tail keyword ที่มีความจำเพาะเจาะจงต่อลูกค้าสูงกว่า การใช้คีย์เวิร์ดว่า โบท็อก เพราะกลุ่มเป้าหมายที่มีความสนใจฉีดโบท็อก ในปี 2019 แสดงว่าต้องการข้อมูลที่ทันสมัยมาก เมื่อคุณเอาคำนี้มาผลิตบทความก็จะมีความตรงใจและได้รับความสนใจจากคนรุ่นใหม่มากกว่าการใช้ keyword แบบสั้น ซึ่งมักต้องใช้ระยะเวลานานกว่าในการทำอันดับ SEO และสร้างฐานลูกค้าด้วยเลือก keyword ทำ SEO ต้องคำนึงถึงอะไร

นอกจากนี้ ยังสามารถหา keyword ด้วยเว็บไซต์ URL address ชื่อ https://answerthepublic.com โดยใส่ keyword ลงไปในช่องการค้นหา ก็จะปรากฏผลลัพธ์ออกมาในลักษณะเดียวกัน กับการใช้ Google search นั่นเอง แต่ในกรณีที่ต้องการข้อมูลเชิงสถิติเป็นตัวเลขเปรียบเทียบชัดเจนระหว่างคีย์เวิร์ด ว่ามีการคลิกสืบค้นด้วย keyword นั้นมากน้อยอย่างไร ก็สามารถสมัครใช้บริการของ Google เรียกว่า Google Search Console ได้ โดยไม่เสียค่าบริการ ก็จะได้ข้อมูลเชิงลึกที่ละเอียดมากขึ้น เพื่อนำมาวิเคราะห์ว่าคุณควรเลือกคำใดในการผลิตบทความ SEO ในช่วงเวลานั้น ๆ

จะเห็นได้ว่า การเลือก keyword เพื่อนำมาใช้ในการทำบทความ SEO มีความสำคัญ ซึ่งมีช่องทางในการค้นหาอยู่หลายเทคนิค เพียงเลือกช่องทางที่คุณสะดวก และนำ keyword นั้นมาเขียนบทความที่มีคุณภาพ ให้สาระและประโยชน์ที่ทันสมัยแก่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ก็มั่นใจได้ว่าจะทำให้ธุรกิจออนไลน์เติบโตได้อย่างดีแน่นอน

ข้อควรรู้ก่อนจ้างผู้ให้บริการ SEO

การโปรโมทธุรกิจผ่านระบบอินเตอร์เน็ตเป็นช่องทางที่สะดวก รวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่าย ยิ่งถ้ามีการค้นหาในระบบอยู่อันดับต้น ๆ ยิ่งทำให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น หลายคนที่ต้องการทำให้ธุรกิจของตนติดอันดับการค้นหามักจ้างผู้ให้บริการ SEO สร้าง หรือแก้ไขเว็บไซต์ให้เป็นที่นิยม หากคุณเป็นอีกคนที่กำลังจะเรียกใช้บริการทำ SEO เรามีข้อควรรู้ก่อนจ้างผู้ให้บริการ SEO มาแนะนำเพื่อป้องกันความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้น

1.ต้องการทำ SEO เกี่ยวกับธุรกิจประเภทใด

คุณต้องรู้ก่อนว่าคุณต้องการโปรโมทเกี่ยวกับสินค้า หรือบริการประเภทใด เพราะสิ่งนี้จะเป็นตัวกำหนดขอบเขตของการเขียนบทความ การแทรก Keyword เพื่อให้ติดอันดับการค้นหา รวมไปถึงการตกแต่งเว็บให้ให้เข้ากับธุรกิจนั้นๆ

2.คัดกรองผู้ให้บริการ

การรับทำ SEO มีทั้งในรูปแบบบริษัท ฟรีแลนซ์ และเอเจนซี หากคุณต้องการความน่าเชื่อถือ ประกันการทำงาน การจ้างบริษัทจึงเป็นทางเลือกที่ดี แต่อาจมีเรื่องของเวลามาเกี่ยวข้อง ส่วนผู้ให้บริการแบบฟรีแลนซ์มีข้อได้เปรียบตรงค่าจ้างที่ถูกลง ใช้ระยะเวลาในการทำไม่นาน แต่อาจจะติดตรงความน่าเชื่อถือ หากคุณจ้างเอเจนซีจะได้เปรียบในเรื่องของผลระยะยาว เพราะมีการคิดค้นความเป็นเอกลักษณ์ให้แก่เว็บไซต์ มีการดูแลลูกค้าตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงหลังส่งมอบงาน แต่ราคาก็จะสูงตามคุณภาพ

3.การเตรียมข้อมูล

ข้อมูลบริษัทหรือองค์กร ข้อมูลของสินค้า ผลงาน เสียงตอบรับจากผู้ใช้บริการ ช่องทางการติดต่อ เพื่อให้ผู้รับทำ SEO ได้ออกแบบเว็บไซต์ บทความโฆษณาให้เหมาะสม ควรมีการแจกแจงข้อมูลว่าต้องการเน้นส่วนสำคัญตรงจุดใด การลำดับความสำคัญเพื่อเป็นการย่นระยะการทำงานให้ง่ายมากยิ่งขึ้น

4.เตรียมค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

ไม่ใช่ค่าใช้จ่ายที่ผู้ให้บริการเรียกเพิ่ม แต่เป็นสิ่งที่คุณต้องจ่ายเพื่อเว็บไซต์ของคุณเอง ไม่ว่าจะเป็นค่าโดเมน หรือชื่อเว็บไซต์ซึ่งต้องสอดคล้องกับธุรกิจมากที่สุด ค่ารูปภาพที่มีลิขสิทธิ์ ค่าโฆษณาการตลาดออนไลน์ ค่าโฮสติ้ง หรือค่าพื้นที่ในการติดตั้งเว็บ เพื่อให้เว็บไซต์ออนไลน์ได้

5.การดูแลหลังส่งมอบงาน

ตรวจสอบบริการหลังส่งมอบงาน ควรเลือกผู้ให้บริการที่มีการดูแลหลังการส่งมอบงานอย่างน้อย 3 เดือน เพื่อป้องกันเว็บไซต์เกิดปัญหาภายหลัง

การทำ SEO ก็เหมือนกับการก่อสร้าง ข้อมูลธุรกิจของคุณก็เปรียบได้กับอุปกรณ์ หากมีอุปกรณ์เพียงพอการก่อสร้างก็จะดำเนินไปได้สะดวก รวดเร็ว เพื่อป้องกันการผิดพลาด ควรเลือกผู้ให้บริการที่มีประสิทธิภาพซึ่งเปรียบเสมือนช่างผู้รับเหมา หากมีความรับผิดชอบ ไม่ทิ้งงาน เก็บทุกรายละเอียด งานก็จะออกมาดีมีคุณภาพ แต่การจะทำให้เว็บติดอันดับต้นๆในการค้นหาได้นั้น เวลาคือตัวแปรสำคัญ ฉะนั้นหากคุณต้องการทำ SEO ควรลงมือตั้งแต่วันนี้ ออกสตาร์ทก่อน มีสิทธิ์ถึงเส้นชัยก่อน

ผู้ให้บริการ SEO มาแนะนำเพื่อป้องกันความผิดพลาด

ทำไมการทำ SEO จึงไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวสักที

SEO เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการทำเว็บไซต์ให้ประสบความสำเร็จทั้งด้านยอดขายและด้านภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ เนื่องจากการสืบค้นด้วย search engine ต่าง ๆ ไม่ว่า กูเกิ้ล บิง หรือ ยาฮู ล้วนอิงระบบอัลกอริทึ่มที่ใช้การป้อนข้อมูลดาต้าจาก SEO ทั้งสิ้น การจะทำเว็บไซต์ให้ติดอันดับดี ๆ เช่น อันดับ 1-10 ของการสืบค้นจึงจำเป็นต้องมีองค์ประกอบของ SEO ที่ครบถ้วน พร้อมกับการอัพเดตข้อมูลใหม่ ๆ ตลอดเวลาลงเว็บไซต์ เพื่อเพิ่มอำนาจการแข่งขันและช่วงชิงเก้าอี้นั่งในอันดับ top10 จากบริษัทคู่แข่งอื่น ในสายงานธุรกิจเดียวกัน

SEO หรือ search engine optimization จึงเป็นสิ่งที่เจ้าของกิจการยุคใหม่ที่ต้องการขยายฐานลูกค้าเป้าหมายเป็นระดับอินเตอร์ หรือสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้ผลิตภัณฑ์ ต้องเรียนรู้ ทั้งนี้ มิใช่เพื่อการสร้าง SEO เอง แต่เป็นการเข้าใจระบบ SEO อย่างถูกต้อง ก่อนการเลือกจ้างบริษัทชั้นนำที่มีประสบการณ์ด้าน SEO ด้วยบุคลากรและทีมงานสนับสนุนที่มีความชำนาญในการปรับปรุงเพจและเว็บไซต์ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ รวมถึงภาษาที่สาม เช่น ภาษาจีนหรือเยอรมัน เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่ใช้ภาษาที่สามเป็นภาษากลางในการสื่อสาร

ในส่วนของออนเพจ SEO On-Page SEO เป็นสิ่งที่จะปรากฎแก่สายตากลุ่มผู้สืบค้นหรือที่เรียกว่ากลุ่มเป้าหมายทางการค้า โดยต้องมีการใส่ SEO ในส่วนเนื้อหาบทความ หรือ Content SEO ชื่อและที่อยู่ของเพจหน้าต่าง ๆ หรือ URL address และการลิ้งค์เชื่อมโยงข้อมูลไปสู่เว็บไซต์ภายนอก หรือเชื่อมโยงจากเพจภายนอกเข้าหา content ของผลิตภัณฑ์บริษัท ก็ห้ามขาด SEO เช่นกัน

การใช้คีย์เวิร์ดก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องมี SEO อยู่เสมอ เพราะเป็นก้าวแรกแห่งการสืบค้น หรือเป็นช่องทางแรกที่จะได้ทำให้เว็บไซต์พบเจอกับกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการสินค้าและบริการที่ถูกใจตรงกับคีย์เวิร์ดที่เลือกสรรลงไปมากที่สุด ดังนั้นการใส่คีย์เวิร์ดลงในเว็บไซต์แต่ละหน้าก็ไม่ควรเกิน 2-3 คำ เพื่อให้เกิดอัตลักษณ์ของข้อมูล และทำให้เนื้อหาของแต่ละเพจมีความราบรื่นในการอ่าน ไม่สะดุดหรือขัดตากับการพยายามใส่คีย์เวิร์ดต่าง ๆ มากเกินไป การตั้งใจใส่ข้อมูลของสินค้าที่มากเกินไปจะทำให้ผู้อ่านรู้สึกขัดต่อความรู้สึกและอาจเกิดความไม่ไว้วางใจได้ เพราะตามหลักจิตวิทยา การถูกยื่นข้อเสนอด้านใดมากเกินไป หรือที่เรียกว่า hard sale จะทำให้ผู้ซื้อ หรือกลุ่มลูกค้าเกิดความลังเลใจและส่งผลต่อภาพลักษณ์แง่ลบของสินค้าได้เช่นกัน การทำ SEO จึงควรเน้นความเหมาะสมของเนื้อหาและองค์ประกอบต่าง ๆ ที่ต้องเข้าคู่กัน มีความกลมกลืนกันอย่างพอดี

การทำ SEO จึงเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ที่เจ้าของธุรกิจออนไลน์ควรให้ความสำคัญและศึกษาด้วยตัวเอง ทั้งควรประเมินผลดีที่ได้รับเพิ่มจากประสบการณ์ทำ SEO ในเว็บไซต์ ที่นอกเหนือจากการทำเว็บไซต์แบบดั้งเดิม จะทำให้พิจารณาได้ง่ายขึ้นว่าควรทำ SEO ในรูปแบบใดที่ตอบโจทย์ที่สุด