คลังเก็บป้ายกำกับ: Keyword

หลักการทำseoที่ถูกต้อง

SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นสาขาที่มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา แต่หลักการสำคัญบางประการยังคงที่ หลักการที่สำคัญที่สุด 10 ประการสำหรับ SEO ที่ถูกต้องในปี 2024

1.เนื้อหา

-เนื้อหาคุณภาพสูง นี่คือรากฐานสำคัญของ SEO สร้างเนื้อหาที่มีคุณค่า ให้ข้อมูล และมีส่วนร่วม ซึ่งช่วยแก้ปัญหาของผู้ชมเป้าหมายและตอบคำถามของพวกเขา

-การวิจัยคำหลัก ทำความเข้าใจคำศัพท์ที่ผู้คนใช้ค้นหาเนื้อหาของคุณและรวมเนื้อหาเหล่านั้นอย่างมีกลยุทธ์อย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องใส่คำหลักในทางที่ผิด

-ความสดใหม่ของเนื้อหา อัปเดตเนื้อหาของคุณเป็นประจำด้วยข้อมูลและข้อมูลเชิงลึกใหม่ ๆ เพื่อให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมและส่งสัญญาณความเกี่ยวข้องกับเครื่องมือค้นหา

2.การเพิ่มประสิทธิภาพในหน้า

-แท็กชื่อและคำอธิบายเมตา เพิ่มประสิทธิภาพแท็กชื่อและคำอธิบายเมตาของคุณเพื่อสะท้อนเนื้อหาของคุณอย่างถูกต้องและดึงดูดผู้ใช้ให้คลิก

-แท็กส่วนหัว จัดโครงสร้างเนื้อหาของคุณโดยใช้แท็กส่วนหัวที่ชัดเจนและเกี่ยวข้อง (H1, H2 ฯลฯ) เพื่อให้อ่านง่ายและรวบรวมข้อมูลจากเครื่องมือค้นหาได้ดีขึ้น

-การเพิ่มประสิทธิภาพรูปภาพ ใช้ชื่อไฟล์ที่สื่อความหมาย ข้อความแสดงแทน และขนาดรูปภาพที่เกี่ยวข้องเพื่อประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นและความเข้าใจของเครื่องมือค้นหา

3.เทคนิค SEO

-ความเร็วเว็บไซต์ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ของคุณโหลดอย่างรวดเร็วบนอุปกรณ์ทั้งหมด เวลาในการโหลดช้าเป็นอันตรายต่อ SEO และประสบการณ์ผู้ใช้

-ความเหมาะกับมือถือ ปรับเว็บไซต์ของคุณเพื่อมอบประสบการณ์ที่ราบรื่นบนอุปกรณ์มือถือ เนื่องจากการค้นหาส่วนใหญ่เกิดขึ้นบนโทรศัพท์

-ข้อมูลที่มีโครงสร้าง ใช้มาร์กอัปข้อมูลที่มีโครงสร้างเพื่อช่วยให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจเนื้อหาของคุณได้ดีขึ้น และแสดงเนื้อหานั้นอย่างถูกต้องในผลการค้นหา

4.การเพิ่มประสิทธิภาพนอกหน้า

-ลิงก์ย้อนกลับ รับลิงก์ย้อนกลับคุณภาพสูงจากเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียงซึ่งเกี่ยวข้องกับกลุ่มเฉพาะของคุณ ลิงก์ย้อนกลับบ่งบอกถึงความไว้วางใจและอำนาจในเครื่องมือค้นหา

5.เคล็ดลับเพิ่มเติม

-ประสบการณ์ผู้ใช้ ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ผู้ใช้มากกว่ากลยุทธ์การเพิ่มประสิทธิภาพกลไกค้นหาเสมอ

-SEO ท้องถิ่น หากคุณมีธุรกิจในท้องถิ่น เพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์และตัวตนออนไลน์ของคุณสำหรับการค้นหาในท้องถิ่น

-อัปเดตอยู่เสมอ เรียนรู้เกี่ยวกับแนวโน้ม SEO ล่าสุดและการอัปเดตอัลกอริทึมเพื่อปรับกลยุทธ์ของคุณ

โปรดจำไว้ว่า SEO เป็นเกมระยะยาว ใช้หลักการเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ และคุณจะเห็นผลลัพธ์เชิงบวกจากปริมาณการเข้าชมทั่วไปของเว็บไซต์ของคุณและการจัดอันดับเครื่องมือค้นหา

7 สิ่งที่มือใหม่หัดทำ SEO มักเข้าใจผิด

7 สิ่งที่มือใหม่หัดทำ SEO มักเข้าใจผิด

คุณรู้หรือไม่ว่ามีคนจำนวนมากยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการ SEO อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียวล่ะ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วความเข้าใจผิดนี้จะมีลักษณะคล้าย ๆ กัน หากคุณเป็นมือใหม่ที่กำลังกระโดดตัวเองเข้ามาในวงการ SEO ลองสำรวจดูว่ามีข้อไหนบ้างที่คุณยังเข้าใจผิดเหมือนคนอื่น ๆ อยู่บ้าง

SEO ข้อไหนบ้างที่คนมักเข้าใจผิด

ทำ SEO แล้วจะเห็นผลเลยในทันที

ผลลัพธ์ของการทำ SEO สามารถเกิดขึ้นได้ทันทีหากเว็บไซต์ของคุณมีพื้นฐานที่ดีมาแล้วส่วนหนึ่ง แต่ก็ยังเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากอยู่ดี ฉะนั้นหากคุณคิดว่าการทำ SEO แล้วจะเห็นผลทันทีนั้น ก็ต้องทำความเข้าใจใหม่แล้วล่ะ

SEO มีแต่การเขียนบทความ

SEO ไม่ได้มีแต่เรื่องของการเขียนบทความเสมอไป แต่ยังเป็นการทำ backlink และโครงสร้างของเว็บไซต์ที่ต้องคอยตรวจเช็คให้สามารถทำงานได้ดีตลอดเวลาอีกด้วย

ยิ่งใส่ keyword เยอะเท่าไหร่ยิ่งดี

การใส่ keyword ที่ดีนั้นควรกระจายให้ทั่วเนื้อหาและอยู่ในทุกส่วนของเนื้อหา แต่ไม่ได้เป็นการยัดเยียด keyword เข้าไปในเนื้อหา เพราะยิ่งใส่เข้าไปมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดูเหมือนเป็นเว็บไซต์ที่ไร้คุณภาพมากเท่านั้น

อันดับของ SEO จะคงอยู่ตลอดไป

อันดับ SEO ของเว็บไซต์สามารถอยู่ต่อไปได้แบบนาน ๆ เหมือนกันนะหากคุณมีการตรวจเช็คและพัฒนาเว็บไซต์ของตัวเองอยู่ตลอดเวลา แต่โดยธรรมชาติของการทำ SEO จะมีการเปลี่ยนแปลงของอันดับที่ขึ้นลงได้เสมอ

Algorithm ของ search engine สำคัญที่สุดในการทำ SEO

Algorithm เป็นสิ่งสำคัญแต่ไม่สำคัญมากไปกว่าแบรนด์และการสร้างเนื้อหาที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ชม เพราะ algorithm ของ search engine มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา หากคุณมัวแต่เปลี่ยนแปลงไปตาม algorithm นี้ทุกวัน อาจทำให้เว็บไซต์ของคุณไร้จุดยืนได้เหมือนกัน

ใช้แต่ short tail keywords มาใช้ในการทำเนื้อหาที่เป็นบทความ

Short tail keywords หรือ คำสั้น ๆ ที่ผู้คนใช้ในการค้นหาบน search engine ซึ่งการใช้ keyword ประเภทนี้มีความยากตรงที่มีเว็บไซต์อื่น ๆ ก่อนหน้านี้ที่ทำมาก่อนได้แย่งพื้นที่ด้วยการใช้คำสั้น ๆ ไปแล้ว ทางออกที่ดีคือการใช้ long tail keywords เข้ามาเป็นส่วนประกอบของเนื้อหาได้

SEO ไม่เกี่ยวกับ coding

หลายคนเข้าใจผิดว่าการทำ SEO เป็นเรื่องที่ทำเกี่ยวกับเนื้อหาที่ต้องใช้ keyword เท่านั้น แต่ความเป็นจริงนั้น SEO ยังเป็นเรื่องของโครงสร้างเว็บไซต์ที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนโค้ดบางส่วนเพื่อให้ search engine เข้ามาเก็บข้อมูลของเว็บไซต์ได้อีกด้วย

การเป็นมือใหม่ในการทำ SEO นั้นทุกคนก็ต้องผ่านจุดนี้ทั้งนั้น การเกิดความเข้าใจผิดหรือหลงทางนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะว่าหลายคนก็มักมีความเข้าใจผิดหรือทำพลาดมาก่อน แต่ถ้าคุณรู้แล้วว่ามีบางอย่างที่คุณยังเข้าใจผิดอยู่ ขอให้รีบแก้ไขให้ถูกต้องเพื่อให้เว็บไซต์ของคุณไต่อันดับขึ้นไปที่หน้าแรกของ Google ได้ตามที่ต้องการ

SEO ข้อไหนบ้างที่คนมักเข้าใจผิด

เรื่องน่ารู้ของการทำ SEO ให้รูปภาพ

เรื่องน่ารู้ของการทำ SEO ให้รูปภาพ

การทำ SEO หรือ search engine optimization เป็นเทคนิคที่ช่วยให้เว็บไซต์ทางธุรกิจของคุณถูกสืบค้นเจอง่ายขึ้น ซึ่งคนทั่วไปจะรู้จักว่าการทำ SEO เป็นการเลือกคำสำคัญสำหรับเขียนบทความ การทำให้โครงสร้างเว็บไซต์สวยงามมีหมวดหมู่ชัดเจน และการทำลิงก์เพื่อเชื่อมโยงไปสู่เว็บไซต์ภายนอก ประเด็นที่คนมักหลงลืม คือ การทำ SEO ให้แก่รูปภาพที่ใช้ประกอบในบทความ ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้อันดับการสืบค้นดีขึ้นได้

การทำ SEO ให้แก่รูปภาพได้รับความนิยมมากในระยะหลัง เนื่องจากคนส่วนใหญ่นิยมเลือกซื้อสินค้าจากเว็บไซต์ที่ใช้ภาพถ่ายจริงในการแนะนำสินค้า หรือมีภาพที่เป็นเอกลักษณ์ประกอบเนื้อหา เมื่อค้นหาผ่าน Google image search รูปภาพที่อยู่อันดับบน ๆ ในหน้าจอ จะได้รับการสนับสนุนในการคลิกเข้าชมและส่งเสริมยอดซื้อสินค้าและบริการได้มากขึ้น

เรามาดูกันว่าหลักการในการทำ SEO ให้รูปภาพ มีอะไรบ้าง

การปรับขนาดรูปภาพให้เหมาะสม

โดยทั่วไปแล้ว รูปภาพจะมีความละเอียดสูงหลังการใช้โปรแกรม Photoshop หรือถ่ายด้วยกล้อง แต่เมื่อต้องนำมาใช้ดาวน์โหลดลงเว็บไซต์ ต้องมีการปรับความละเอียดให้อยู่ที่ประมาณ 500-700 พิกเซล เพื่อให้ใช้ระยะเวลาในการดาวน์โหลดน้อยลง ลดความเสี่ยงในการเกิด Error ได้

รูปภาพควรมีความเป็นเอกลักษณ์

ไม่ว่าจะเป็นภาพที่มาจากการทำกราฟฟิกด้วย Photoshop หรือโปรแกรมวาดภาพทั้งในโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ หรือเป็นภาพที่ถ่ายในสตูดิโอหรือนอกสถานที่ ก็ควรที่จะไม่ซ้ำแบบใคร หากใช้นางแบบนายแบบก็ต้องเป็นคนที่มีสไตล์โดดเด่นไม่ซ้ำใคร เพื่อสร้างความจดจำให้แก่คนดู ทั้งนี้ ภาพที่ถ่ายทำขึ้นมาใหม่ จะได้คะแนน SEO ที่สูงมากกว่าภาพที่มีการนำมาจากเว็บไซต์ให้ฟรี

การใส่คำอธิบายรูปภาพ

ในส่วน alt tag ในฟังก์ชันของ wordpress ที่คนทั่วไปใช้ในการเขียนบทความ ควรใส่ keyword ให้ละเอียดที่สุด หากไม่รู้จะเริ่มจากคำว่าอะไร ให้มองหา keyword ที่ตอบโจทย์ว่า ใครอยู่ในภาพ กำลังทำท่าอะไร สิ่งของในภาพมีอะไร สีอะไรบ้าง ฯลฯ ยิ่งใส่รายละเอียดมาก จะทำให้โอกาสถูกสืบค้นมากขึ้นตามไปด้วย

ความสม่ำเสมอในการอัปเดต

รูปภาพและบทความ SEO ต้องใช้ระยะเวลาในการสะสมข้อมูลลงในระบบ เพื่อให้ algorithm ของ Google มาประมวลเป็นคะแนนเทียบกับเว็บไซต์อื่น ความขยันในการนำเสนอข้อมูลใหม่ ๆ ต่อเนื่อง 3 ถึง 6 เดือนจึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีในการทำ SEO ได้

จะเห็นได้ว่า การทำ SEO ให้ภาพ เป็นปัจจัยหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้ และยังมีรายละเอียดที่น่าสนใจอยู่หลายด้านที่ผู้มุ่งหวังความสำเร็จในธุรกิจออนไลน์ต้องศึกษา เราหวังว่าบทความนี้จะทำให้ทุกท่านเห็นช่องทางในการทำ SEO ให้รูปภาพ เพื่อส่งเสริมธุรกิจให้เติบโตมากยิ่งขึ้น

หลักการในการทำ SEO ให้รูปภาพ มีอะไรบ้าง

ทำ SEO แล้วไม่ติดอันดับหน้าแรกของ Google ต้องแก้อย่างไร

ทำ SEO แล้วไม่ติดอันดับหน้าแรกของ Google ต้องแก้อย่างไร

การทำ SEO หรือ search engine optimization เป็นเรื่องที่จำเป็นสำหรับเว็บไซต์ ออนไลน์ในธุรกิจทุกประเภท เพราะจะทำให้อันดับในการถูกสืบค้นง่ายขึ้น จึงช่วยขยายแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก ส่งผลให้มียอดขายสินค้าและบริการตามมาได้

หลายคนที่ได้ลองทำ SEO ด้วยตัวเองหรือจ้างทำกับบริษัทต่าง ๆ แต่หลังจากทำแล้ว อันดับของ SEO เว็บไซต์คุณไม่ได้อยู่ในหน้าแรกอย่างที่คาดหวังไว้ เรามาดูกันว่าจะมีวิธีการจัดการอย่างไรได้บ้าง

1. ตรวจสอบ keyword

Keyword ที่ใช้ในการผลิตเนื้อหา ควรตรงกับการสืบค้นของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเสมอ หากไม่แน่ใจว่า keyword มีประสิทธิภาพไหม ควรเข้าไปใช้บริการจาก Google search Console โดยเข้าไปที่หัวข้อ performance จะมีตัวเลขและคำแนะนำให้อ่านได้อย่างละเอียด

2. ปรับโครงสร้างของเว็บไซต์

เว็บไซต์ที่ดีต้องสวยงาม และใช้งานได้ง่ายทั้งกับโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ มีการแยกประเภทหมวดหมู่สินค้าที่ชัดเจน เพื่อให้ผู้ใช้งานประทับใจ รวมถึงการมี chatbot ช่วยตอบข้อสงสัยลูกค้า จะทำให้ขยายฐานลูกค้าระยะยาวได้ดีขึ้นด้วย

3. การปรับวิธีนำเสนอในเว็บไซต์

เป้าหมายคือการเพิ่มระยะเวลา Dwell time ที่หมายถึงระยะเวลาในการอ่านข้อมูลต่าง ๆ ของผู้ที่คลิกเข้ามาชม เจ้าของเว็บไซต์จะต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการนำเสนออยู่เสมอ มีการทำคลิปของตัวเอง ที่มีการควบคุมโทนสี ธีมให้ชัดเจนเป็นเอกลักษณ์ และควรมีการแชร์บทความและคลิปจาก YouTube ที่น่าสนใจมาช่วยดึงดูดลูกค้าอีกทางหนึ่งด้วย

4. ตรวจสอบลิงก์ที่เชื่อมโยง

การมีลิงก์เชื่อมโยง ระหว่างเว็บไซต์หรือ Backlink จะช่วยให้ได้ลูกค้าใหม่ ๆ เพิ่มมาจากเว็บไซต์อื่น ซึ่งจะส่งผลบวกต่ออันดับ SEO ได้ แต่ลิงก์ที่เสียหายหรือเป็นสแปม จะให้ผลในทางตรงกันข้าม คุณจึงควรเช็คว่าลิงก์ที่ทำไว้มีประสิทธิภาพดีเพียงใด โดยการเข้าไปที่ www.seoreviewtools.com แล้วเลือกหัวข้อการตรวจสอบ Backlink จะเห็นค่าตัวเลขและผลวิเคราะห์ให้คุณต่อยอดได้อีกมาก

5. ความสม่ำเสมอในการทำเนื้อหาใหม่ ๆ

การวิเคราะห์ของระบบ AI ใน Google จะมาจากการตรวจข้อมูลเป็นระยะ ๆ ผู้ที่นำเสนอเนื้อหาใหม่ ๆ อย่างสม่ำเสมอ จึงจะได้รับผลอันดับ SEO ที่ดีอยู่ในหน้าแรกของ Google การนำเสนอเนื้อหาที่มีความสดใหม่และแตกต่าง คือ หัวใจสำคัญที่ทำให้คุณมีลูกค้าประจำและลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อย่าลืมว่า ปัจจุบันมีเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลน่าสนใจจำนวนมาก หากคุณไม่สามารถทำเนื้อหาให้โดดเด่น ก็เท่ากับไม่สามารถทำให้ก้าวสู่การประสบความสำเร็จทั้งด้านอันดับ SEO และการสร้างแบรนด์ได้

การทำเว็บไซต์ SEO จำเป็นต้องใส่ใจองค์ประกอบหลายด้าน ดังที่กล่าวมา เราหวังว่าบทความนี้ จะช่วยให้ทุกท่านได้ตรวจสอบคุณภาพของเว็บไซต์ SEO ด้วยตัวเอง เพื่อการปรับแก้ไขให้ถูกจุดต่อไป

ทำ SEO ด้วยตัวเองหรือจ้างทำ

Facebook ทำยังไงให้ขึ้นอันดับใน Google

การทำ Facebook เป็นร้านค้าออนไลน์ ที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเช่าพื้นที่ หรือต้องลงทะเบียนหลายขั้นตอนอย่างการเปิดเว็บไซต์ทั่วไป ที่ต้องเช่าโดเมน เลือก hosting และจดทะเบียนการค้า ฯลฯ แต่ก็ทำให้เข้าหาลูกค้าได้เฉพาะกลุ่มที่เล่น Facebook เท่านั้น

แต่ปัจจุบัน คุณอาจจะสังเกตเห็นแต่ว่า Facebook บางเพจสามารถติดอันดับการสืบค้นใน Google ได้ด้วย หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เปิดร้านค้าออนไลน์ อยากรู้ไหมว่าเขาทำกันได้อย่างไร มาดูคำตอบไปพร้อมกัน

การทำให้ Facebook ติดอันดับการสืบค้นใน Google ไม่ได้มาจากการซื้อพื้นที่โฆษณาอย่างหลักการ SEM หรือ search engine marketing แต่จะเป็นการทำ SEO หรือ search engine Organization ตามหลักการที่ Google กำหนด แต่ไปปรับประยุกต์ใช้กับเพจใน Facebook ให้โดดเด่นยิ่งขึ้น เพียงคุณรู้เทคนิคการทำ SEO และปรับใช้สม่ำเสมอ ก็จะสามารถทำให้เพจสืบค้นได้ง่ายๆ ผ่าน Google เช่นเดียวกันกับเพจที่คุณเห็นตัวอย่าง การปรับแต่งมีดังนี้

1. ช่องเกี่ยวกับหรือ about

ควรใส่ชื่อ keyword ที่ผ่านการวิจัยมาแล้วว่าตรงกับการหาของกลุ่มลูกค้า และต้องไม่ลืมใส่ชื่อร้านค้าด้วย โดยอาจหาจากช่อง Google search ที่จะมีคำอัตโนมัติขึ้นมา เมื่อคุณเริ่มพิมพ์คำเกี่ยวกับประเภทสินค้าที่ขาย ซึ่งการตั้งชื่อของเพจ Facebook ก็ต้องโดดเด่นและสัมพันธ์กับข้อมูลใน about นี้ด้วย เพื่อสื่อให้ชัดเจนถึงสินค้าที่ขาย

2. การโพสต์

ข้อมูลในแต่ละโพสต์ ควรมีทั้งรูปภาพและเนื้อหาที่น่าสนใจระบบอัลกอริทึมของ Facebook สามารถที่จะวิเคราะห์สีและรายละเอียดรูปภาพ และคาดเดาได้ว่ารูปที่คุณโพสต์เป็นภาพอะไร จึงไม่จำเป็นจะต้องกังวลเรื่องของการใส่ keyword ในรูปภาพอย่างละเอียด อย่างในการทำรูปภาพในเว็บไซต์ที่สืบค้นด้วยตรงกับ Google นอกจากนี้ ส่วนท้ายเนื้อหาโพสต์ ควรเพิ่มแฮชแท็กที่ตรงกับสินค้าหรืออยู่ในกระแสที่คนสนใจลงไป เพื่อให้อันดับ SEO ในการค้นหาดีขึ้น

3. ส่วน Backlink

การเพิ่ม Backlinkหรือการเชื่อมโยงกับเว็บไซต์ โดยการเอาโพสต์ที่น่าสนใจใน YouTube หรือบทความที่มีความทันสมัย และเกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการของคุณมานำเสนอ โดยไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ เช่น คุณขายวิตามินบำรุงผม ก็ควรนำเสนอบทความ หรือคลิปเกี่ยวกับการแฟชั่นเส้นผม หรือปัญหาเส้นผมที่น่าสนใจ จะทำให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเห็นการอัปเดตในเพจของคุณ ซึ่งจะทำให้ระบบ algorithm วิเคราะห์อันดับ SEO ที่ดียิ่งขึ้นได้ด้วยFacebook ทำยังไงให้ขึ้นอันดับใน Google

จะเห็นได้ว่าการทำ Facebook ในปัจจุบัน แม้ว่าจะต้องมีการปรับตัวตามกติกาใหม่ ๆ ที่ Facebook ทำออกมาเรื่อย ๆ แต่การทำ SEO ให้กับ Facebook ก็กลับเพิ่มให้เพจคุณมีโอกาสสืบค้นได้ง่ายจากการหาในช่อง search ของ Google ได้เช่นกัน โดยที่ไม่จำเป็นต้องเปิดเว็บไซต์ใหม่ให้เสียค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะธุรกิจที่กำลังก่อร่างสร้างตัวในระยะแรก ที่ควรควบคุมค่าใช้จ่ายให้น้อยที่สุด

ความสำคัญและการเลือก keyword ในเว็บไซต์ SEO

การทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ทางธุรกิจตามเกณฑ์ที่ Google กำหนด เป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญมาก เพราะส่งผลโดยตรงต่ออันดับในการนำเสนอเว็บไซต์ในหน้าต่างการสืบค้น ที่ทำให้ลูกค้ามีความเชื่อถือและสนใจต้องการซื้อสินค้าและบริการ

ในการผลิตบทความสำหรับเว็บไซต์ SEO จึงต้องเลือก keyword ที่ผ่านการวิเคราะห์มาแล้วว่าตรงกับที่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายใช้พิมพ์ค้นหาร้านค้าหรือบริการ ซึ่งคีย์เวิร์ดนี้ยังจะถูกใช้ในการคิดหัวข้อและเขียนส่วน Meta Description ที่เป็นการสรุปเนื้อหาโดยรวมที่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายจะได้เห็น เพื่อเป็นการจูงใจให้คลิกเข้ามาอ่านข้อมูลฉบับเต็มในเพจ แล้วนำไปสู่การขายสินค้าและบริการทางธุรกิจ

เลือก keyword ทำ SEO ต้องคำนึงถึงอะไร

การเลือก keyword ทำ SEO ควรมีเป้าหมายว่าต้องการส่งเสริมการขายสินค้าหรือบริการใด เช่น กรณีที่คุณเปิดกิจการธุรกิจด้านความงาม ต้องการส่งเสริมให้คนมาฉีดโบท็อกลดริ้วรอย ก็ควรใช้คำว่า โบท็อก ในการเป็นคีย์เวิร์ดหลักในการเขียนบทความ และนำมาผสมคำกับศัพท์อื่น ๆ ที่สามารถสืบค้นได้จากช่อง Google search

โดย Google.co.th เป็นช่องทางที่คนทั่วไปใช้พิมพ์หาข้อมูล คุณก็ทำเช่นเดียวกัน ลองพิมพ์คำว่า โบท็อก จะปรากฏตัวอย่างคำที่เคยมีคนค้นหาจริงอีกมากมาย เช่น โบท็อกคืออะไร โบท็อกที่ดีที่สุด โบท็อกที่ไหนดี โบท็อกลดริ้วรอย โบท็อกราคา เป็นต้น ซึ่งคุณสามารถนำคำสำคัญเหล่านี้มาใช้ได้

ทั้งนี้ หากเป็นคำที่มีความยาว อย่างเช่น โบท็อกยี่ห้อไหนดี 2019 กรณีนี้ เรียกว่าเป็น long Tail keyword ที่มีความจำเพาะเจาะจงต่อลูกค้าสูงกว่า การใช้คีย์เวิร์ดว่า โบท็อก เพราะกลุ่มเป้าหมายที่มีความสนใจฉีดโบท็อก ในปี 2019 แสดงว่าต้องการข้อมูลที่ทันสมัยมาก เมื่อคุณเอาคำนี้มาผลิตบทความก็จะมีความตรงใจและได้รับความสนใจจากคนรุ่นใหม่มากกว่าการใช้ keyword แบบสั้น ซึ่งมักต้องใช้ระยะเวลานานกว่าในการทำอันดับ SEO และสร้างฐานลูกค้าด้วยเลือก keyword ทำ SEO ต้องคำนึงถึงอะไร

นอกจากนี้ ยังสามารถหา keyword ด้วยเว็บไซต์ URL address ชื่อ https://answerthepublic.com โดยใส่ keyword ลงไปในช่องการค้นหา ก็จะปรากฏผลลัพธ์ออกมาในลักษณะเดียวกัน กับการใช้ Google search นั่นเอง แต่ในกรณีที่ต้องการข้อมูลเชิงสถิติเป็นตัวเลขเปรียบเทียบชัดเจนระหว่างคีย์เวิร์ด ว่ามีการคลิกสืบค้นด้วย keyword นั้นมากน้อยอย่างไร ก็สามารถสมัครใช้บริการของ Google เรียกว่า Google Search Console ได้ โดยไม่เสียค่าบริการ ก็จะได้ข้อมูลเชิงลึกที่ละเอียดมากขึ้น เพื่อนำมาวิเคราะห์ว่าคุณควรเลือกคำใดในการผลิตบทความ SEO ในช่วงเวลานั้น ๆ

จะเห็นได้ว่า การเลือก keyword เพื่อนำมาใช้ในการทำบทความ SEO มีความสำคัญ ซึ่งมีช่องทางในการค้นหาอยู่หลายเทคนิค เพียงเลือกช่องทางที่คุณสะดวก และนำ keyword นั้นมาเขียนบทความที่มีคุณภาพ ให้สาระและประโยชน์ที่ทันสมัยแก่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ก็มั่นใจได้ว่าจะทำให้ธุรกิจออนไลน์เติบโตได้อย่างดีแน่นอน

SEO แบบไหนไม่ควรทำ 2019 จำเป็นต้องรู้

การทำ SEO หรือ Search Engine Optimization ให้กับเว็บไซต์เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้มีลูกค้าและยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากจะทำให้อันดับในการสืบค้นอยู่ใน Top 5 Top10 ของหน้าต่างการสืบค้น ใน Search Engine อย่าง Bing, Yahoo และ Google ได้

แต่การทำ SEO ที่ดีต้องมีรูปแบบที่เหมาะสมตามที่ Search Engine กำหนด หากทำ SEO ที่ผิดไปจากกฎเกณฑ์จะทำให้เสี่ยงโดนแบน ทำให้เกิดผลเสียทางธุรกิจได้สูง

เรามาดูกันว่าการทำ SEO แบบใดจะส่งผลเสียต่อธุรกิจออนไลน์ ไม่ควรทำอย่างยิ่ง

1. การเปิดเว็บไซต์เพิ่มแล้วทำลิงก์แบบหลอก

การเปิดหลายเพจหรือหลายเว็บไซต์ แล้วเชื่อมโยงลิงก์ที่เรียกว่า Backlink ต่อกัน เป็นเทคนิค Off-Page SEO แบบผิด ๆ ซึ่งจะทำให้ถูกระบบ Algorithm หรือ AI อัจฉริยะของ Search Engine จับได้ และถูกแบนออกจากระบบ

2. การละเมิดลิขสิทธิ์บทความจากเว็บไซต์อื่น ๆ

การทำบทความ SEO ที่ดี จะต้องใช้ Keyword ที่มีการวิเคราะห์ว่าตรงกับการสืบค้นของลูกค้าเป้าหมาย และบทความต้องอัปเดตเนื้อหาใหม่ด้วยตนเอง การคัดลอกบทความจากแหล่งอื่นมาเท่ากับเป็นการสร้างบทความขยะหรือสแปมที่ทำให้เว็บไซต์ถูกปิดหรืออันดับ SEO ร่วงลงได้

3. การทำลิงก์ที่ไม่สมบูรณ์

ปัญหา Broken Link เป็นผลเสียทั้งต่อคุณภาพเว็บไซต์และทำให้เกิดความไม่ประทับใจในกลุ่มลูกค้าผู้ใช้งาน ทำให้ต้องสูญเสียโอกาสในการขาย และหากปัญหา Error เกิดบ่อย ก็จะทำให้ลูกค้าไม่กลับเข้ามาใช้บริการซ้ำอีก

4. เซิร์ฟเวอร์ที่ใช้เป็นที่อยู่ของเว็บไซต์มีคุณภาพต่ำ

เกิดจากการเลือก Hosting ที่ไม่เหมาะสมกับขนาดธุรกิจ และมีทีมโปรแกรมเมอร์ที่ไม่ชำนาญในการแก้ไขปัญหา ทำให้เกิด Error สูง ใช้เวลาในการดาวน์โหลดข้อมูลนาน ซึ่งจะทำให้เสียโอกาสในการขายและมีผลต่ออันดับ SEO ซึ่งแน่นอนว่าจะถูกตรวจสอบได้ด้วยระบบ AI Algorithm ของ Search Engine ด้วยเช่นกันเรามาดูกันว่าการทำ SEO แบบใดจะส่งผลเสีย

5. การสร้างลิงก์เชื่อมโยงที่มากเกินไป

เกิดจากการที่ไปแปะ URL Address ไว้ตามเว็บไซต์ต่าง ๆ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับทางธุรกิจออนไลน์ของคุณโดยตรง เป็นเทคนิคที่ระบบ AI ตรวจพบได้ง่าย ซึ่งจะทำให้ถูกแบนได้ในเวลาอันรวดเร็ว

6. การใส่ Keyword ที่มากเกินไป

การใส่ Keyword แบบยัดเยียดในเนื้อหา ทำให้ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตไม่ประทับใจ และมักไม่กลับมาใช้งานในเว็บไซต์อีก นอกจากนี้ ยังทำให้บทความนั้นกลายเป็นสแปม (Spam) จากการประมวลผลโดยการวิเคราะห์ของ AI ด้วย

จะเห็นได้ว่า การทำ SEO นั้น ควรจะอยู่บนหลักเกณฑ์ที่เหมาะสม การศึกษา SEO ด้วยตัวเองและลงมือทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป หรือการจ้างบริษัทที่ไว้วางใจได้ทำ SEO ให้สอดคล้องกับรูปแบบที่ Search Engine กำหนด จะป้องกันการทำ SEO แบบผิด ๆ ที่ทำให้เกิดปัญหากับธุรกิจได้

ทำไมนักธุรกิจรุ่นใหม่ถึงควรใช้ Niche Keyword มากกว่า Mass Keyword ทำเว็บไซต์ SEO

การทำธุรกิจออนไลน์ในปัจจุบันมีคู่แข่งเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเราเชื่อมโยงกันด้วยระบบอินเทอร์เน็ตแบบ 5G มีความรวดเร็วว่องไว และมีผู้ผลิตสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั่วโลก

Keyword SEO มีความสำคัญอย่างไร

การเลือกใช้ Keyword SEO ในการสร้างบทความคุณภาพอย่างสม่ำเสมอในเพจของคุณ โดยเฉพาะเว็บไซต์ของนักธุรกิจออนไลน์หน้าใหม่ จึงสำคัญต่อการประสบความสำเร็จในการปิดยอดขายตามไปด้วย ซึ่งกูรูทางการตลาดออนไลน์แนะนำให้ผู้ที่เปิดเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ในระยะหลัง เลือกใช้คีย์เวิร์ดที่เป็น Niche Keyword มากกว่า Mass Keyword ด้วยเหตุผล คือ Niche Keyword เป็นการใช้คำหรือวลีที่เฉพาะเจาะจงกับตัวสินค้า เพื่อสื่อสารตรงไปกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างชัดเจน ส่งเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้เป็นที่จดจำได้ดีกว่าการใช้ Mass Keyword

ตัวอย่างเช่น คุณขายคีย์บอร์ดสำหรับเล่นเกมส์ออนไลน์ คุณควรจะใช้ Niche Keyword ว่า คีย์บอร์ด เล่นเกมส์ออนไลน์ E-Sport แบรนด์ญี่ปุ่น นำเข้า ราคาถูก เป็นต้น แทนที่จะใช้คำสั้น ๆ เพียง คีย์บอร์ดออนไลน์ ซึ่งไม่สื่อถึงสินค้าที่เจาะจง

เมื่อมีลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่กำลังสนใจเล่นเกมส์ออน์ไลน์ ซึ่งกำลังได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน และมีกำลังซื้อพร้อม ต้องการคีย์บอร์ดออนไลน์ที่เป็นแบรนด์นำเข้าจากญี่ปุ่น มาใช้คีย์เวิร์ดดังกล่าวในการพิมพ์ค้นหา ใน Google หรือ Bing ก็จะแสดงผลเว็บไซต์ของคุณเป็นอันดับต้น ๆ คุณจึงมีโอกาสในการขายสินค้าได้ในทันทีเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ในทางตรงกันข้าม ถ้าคุณใช้ Mass Keyword นอกจากจะลดโอกาสในการได้ขายสินค้าแก่ลูกค้าเฉพาะกลุ่มเหล่านี้แล้ว แบรนด์ของเว็บไซต์คุณก็จะไม่ชัดเจน ไม่เป็นที่จดจำเท่าที่ควร

ยิ่งไปกว่านั้น ต้องยอมรับว่าลูกค้าในปัจจุบันต้องการที่จะสืบค้นข้อมูลแล้วได้ผลลัพธ์ที่ตรงใจอย่างรวดเร็ว เมื่อมีการพิมพ์ข้อมูลในช่อง Search ผลที่ปรากฏในหน้าการสืบค้น อันดับ 1-5 จะได้รับความสนใจคลิกเข้าไปดูและสั่งซื้อมากกว่าอันดับรองลงไปหรือในหน้าหลัง ๆ หลายเท่าตัว หากกรณีที่กล่าวมา คุณใช้คำว่า คีย์บอร์ดออนไลน์ โอกาสที่จะดึงดูดให้ลูกค้าคลิกเข้ามาชมข้อมูลและสั่งซื้อก็จะน้อยลงไป เพราะลูกค้ากลุ่มที่ต้องการสินค้าที่เฉพาะรุ่นและแบรนด์ จะรู้สึกว่าเป็นการเสียเวลาที่ต้องมาค้นหาข้อมูลเพิ่มจากเว็บไซต์ของคุณ และอาจคิดว่าคุณไม่มีรุ่นของสินค้าที่ต้องการด้วย คุณจึงพลาดโอกาสในการขายสินค้าออนไลน์ไปอย่างน่าเสียดาย และทำให้ไม่สามารถแข่งขันกับบริษัทคู่แข่งรายอื่นที่เปิดเว็บไซต์มานาน ซึ่งมีฐานลูกค้าที่กว้างกว่านั่นเองKeyword SEO มีความสำคัญอย่างไร

หวังว่า บทความนี้จะทำให้ทุกท่านเข้าใจความแตกต่างระหว่าง Niche Keyword และ Mass Keyword มากยิ่งขึ้น ในยุค 2019 นักธุรกิจออนไลน์รุ่นใหม่ จึงจำเป็นต้องมีการวิเคราะห์แบรนด์ของตัวเองให้ชัดเจน เพื่อทำ SEO ด้วย Niche Keyword ที่เหมาะสม นำเสนอให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย จึงจะมีโอกาสประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจออนไลน์ได้

ข้อควรรู้ก่อนจ้างผู้ให้บริการ SEO

การโปรโมทธุรกิจผ่านระบบอินเตอร์เน็ตเป็นช่องทางที่สะดวก รวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่าย ยิ่งถ้ามีการค้นหาในระบบอยู่อันดับต้น ๆ ยิ่งทำให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น หลายคนที่ต้องการทำให้ธุรกิจของตนติดอันดับการค้นหามักจ้างผู้ให้บริการ SEO สร้าง หรือแก้ไขเว็บไซต์ให้เป็นที่นิยม หากคุณเป็นอีกคนที่กำลังจะเรียกใช้บริการทำ SEO เรามีข้อควรรู้ก่อนจ้างผู้ให้บริการ SEO มาแนะนำเพื่อป้องกันความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้น

1.ต้องการทำ SEO เกี่ยวกับธุรกิจประเภทใด

คุณต้องรู้ก่อนว่าคุณต้องการโปรโมทเกี่ยวกับสินค้า หรือบริการประเภทใด เพราะสิ่งนี้จะเป็นตัวกำหนดขอบเขตของการเขียนบทความ การแทรก Keyword เพื่อให้ติดอันดับการค้นหา รวมไปถึงการตกแต่งเว็บให้ให้เข้ากับธุรกิจนั้นๆ

2.คัดกรองผู้ให้บริการ

การรับทำ SEO มีทั้งในรูปแบบบริษัท ฟรีแลนซ์ และเอเจนซี หากคุณต้องการความน่าเชื่อถือ ประกันการทำงาน การจ้างบริษัทจึงเป็นทางเลือกที่ดี แต่อาจมีเรื่องของเวลามาเกี่ยวข้อง ส่วนผู้ให้บริการแบบฟรีแลนซ์มีข้อได้เปรียบตรงค่าจ้างที่ถูกลง ใช้ระยะเวลาในการทำไม่นาน แต่อาจจะติดตรงความน่าเชื่อถือ หากคุณจ้างเอเจนซีจะได้เปรียบในเรื่องของผลระยะยาว เพราะมีการคิดค้นความเป็นเอกลักษณ์ให้แก่เว็บไซต์ มีการดูแลลูกค้าตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงหลังส่งมอบงาน แต่ราคาก็จะสูงตามคุณภาพ

3.การเตรียมข้อมูล

ข้อมูลบริษัทหรือองค์กร ข้อมูลของสินค้า ผลงาน เสียงตอบรับจากผู้ใช้บริการ ช่องทางการติดต่อ เพื่อให้ผู้รับทำ SEO ได้ออกแบบเว็บไซต์ บทความโฆษณาให้เหมาะสม ควรมีการแจกแจงข้อมูลว่าต้องการเน้นส่วนสำคัญตรงจุดใด การลำดับความสำคัญเพื่อเป็นการย่นระยะการทำงานให้ง่ายมากยิ่งขึ้น

4.เตรียมค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

ไม่ใช่ค่าใช้จ่ายที่ผู้ให้บริการเรียกเพิ่ม แต่เป็นสิ่งที่คุณต้องจ่ายเพื่อเว็บไซต์ของคุณเอง ไม่ว่าจะเป็นค่าโดเมน หรือชื่อเว็บไซต์ซึ่งต้องสอดคล้องกับธุรกิจมากที่สุด ค่ารูปภาพที่มีลิขสิทธิ์ ค่าโฆษณาการตลาดออนไลน์ ค่าโฮสติ้ง หรือค่าพื้นที่ในการติดตั้งเว็บ เพื่อให้เว็บไซต์ออนไลน์ได้

5.การดูแลหลังส่งมอบงาน

ตรวจสอบบริการหลังส่งมอบงาน ควรเลือกผู้ให้บริการที่มีการดูแลหลังการส่งมอบงานอย่างน้อย 3 เดือน เพื่อป้องกันเว็บไซต์เกิดปัญหาภายหลัง

การทำ SEO ก็เหมือนกับการก่อสร้าง ข้อมูลธุรกิจของคุณก็เปรียบได้กับอุปกรณ์ หากมีอุปกรณ์เพียงพอการก่อสร้างก็จะดำเนินไปได้สะดวก รวดเร็ว เพื่อป้องกันการผิดพลาด ควรเลือกผู้ให้บริการที่มีประสิทธิภาพซึ่งเปรียบเสมือนช่างผู้รับเหมา หากมีความรับผิดชอบ ไม่ทิ้งงาน เก็บทุกรายละเอียด งานก็จะออกมาดีมีคุณภาพ แต่การจะทำให้เว็บติดอันดับต้นๆในการค้นหาได้นั้น เวลาคือตัวแปรสำคัญ ฉะนั้นหากคุณต้องการทำ SEO ควรลงมือตั้งแต่วันนี้ ออกสตาร์ทก่อน มีสิทธิ์ถึงเส้นชัยก่อน

ผู้ให้บริการ SEO มาแนะนำเพื่อป้องกันความผิดพลาด

เทคนิคการเขียนบทความ SEO เพื่อดัน Content ให้เป็นอันดับ 1

ไม่ว่าใครที่กำลังสร้าง Content ดีๆ ก็ต้องอยากให้คนได้อ่านสิ่งเหล่านั้นให้มากที่สุด แต่ไม่ใช่ว่าทุก Content จะมีคนอ่านเยอะเสมอไป หรือบาง Content อาจไม่มีคนอ่านเลยก็ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับว่า มีคน Search เจอสิ่งที่ต้องการนำเสนอหรือไม่ ซึ่งการการทำ SEO ก็เพื่อนำพาคนที่สนใจในสิ่งนั้น Search เจอและได้อ่านบทความที่เราต้องการนำเสนอนั่นเอง

Concept ของ SEO

SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นการสร้างบทความให้มี Keyword เพื่อการค้นหาได้ง่าย โดยจะเป็นการนำเอา Keyword ที่มีการจัดอันดับว่ามีการค้นหามากที่สุดจาก Search Engine ชื่อดังอย่าง GOOGLE และนำเอาคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องเหล่านั้นมาลงในบทความที่ต้องการนำเสนอ ทำให้การ Search หาเจอทำได้โดยง่าย

เทคนิคการเขียน SEO ให้มีคนอ่านเจอมากที่สุด

กำหนด Keyword คือเราต้องทราบก่อนว่าจะเขียนบทความเกี่ยวกับอะไร และ Keyword ที่มีการค้นหาเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ คืออะไร เราจึงค่อยนำ Keyword นั้นมาเป็นหลักในการเขียนบทความ

มีเนื้อหาที่น่าสนใจ เหมือนเราดูหนัง หากหนังเรื่องนั้นไม่สนุกก็ไม่อยากดู Content ก็เช่นกัน หากหัวข้อและเนื้อหาไม่เป็นที่น่าสนใจ ผู้อ่านก็จะหยุดเสียกลางคัน ทางที่ดีควรนำเสนอ Content แปลกใหม่ ไม่ซ้ำใคร เนื้อหาจะต้องมองในมุมของผู้อ่านเป็นสำคัญ ว่าเขาจะได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่

ควรมี Keyword กระจายทั่วบทความ การกระจาย Keyword ให้ทั่วบทความถือว่าสำคัญมากในการทำ SEO โดยเฉพาะตรงส่วน Title และ Description เพราะจะทำให้การค้นหาง่ายขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ต้องคำนึงถึงความเป็นธรรมชาติด้วย ไม่ควรใส่ Keyword เยอะจนเกินไป เพราะจะทำให้ผู้อ่านรู้สึกติดขัดได้

จำนวนคำไม่ควรน้อยหรือมากไป ใน Content ที่ดีจะนำเสนอไม่สั้นหรือยาวจนเกินไป ควรมี 300 ถึง 1000 คำ ให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการนำเสนอ เช่น บทความเกี่ยวกับเด็ก ก็ต้องสนุกสนานและไม่ยาวจนเกินไป แค่ 300 คำก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าเป็นบทความเกี่ยวกับวิชาการ เน้นความน่าเชื่อถือ ก็ควรมีประมาณ 1000 คำ เพื่อเนื้อหาที่ครอบคลุม สร้างความน่าเชื่อถือได้นั่นเอง

รูปและวีดีโอก็มีความสำคัญ บทความที่ไม่มีรูป ก็เหมือนกินก๋วยเตี๋ยวไม่ใส่ผัก คือไม่มีสีสันเลย ทำให้ไม่ดึงดูดใจผู้อ่าน นอกจากนี้การใส่รูปและวิดีโอยังทำให้ผู้อ่านได้เข้าใจในเนื้อหาที่เรานำเสนอมากขึ้นอีกด้วย

เทคนิคการเขียน SEO ให้มีคนอ่านเจอมากที่สุด

Black link ก็คือ link ของบทความเราที่ไปอยู่ในเว็บไซต์อื่น โดยผู้อ่านจากเว็บไซต์อื่นสามารถกดที่ link นี้และก็จะถูกพามาที่บทความของเรานั่นเอง ซึ่งมีความสำคัญต่อการจัดอันดับของ GOOGLE ด้วยเช่นกัน เพราะถือว่าเว็บไซต์ของเรามีความน่าเชื่อถือในระดับหนึ่ง

หากเราสามารถนำวิธีการดังกล่าวมาใช้ทำบทความ SEO อย่างถูกวิธีแล้ว เชื่อว่าบทความนั้นจะต้องเป็นบทความคุณภาพ และได้รับการพิจารณาจาก GOOGLE ให้ขึ้นมาอยู่ในหน้าแรกๆ อย่างแน่นอน ซึ่งการขึ้นมาอยู่ในหน้าแรกๆ นั้นมีประโยชน์มากมาย สามารถต่อยอดได้หลายอย่าง เช่น สร้างความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ของเรา สร้างยอดขายสินค้าหรือบริการต่างๆได้มากขึ้น และยังเพิ่มยอดไลค์ ยอดแชร์ อันเป็นการขยายฐานลูกค้าได้ในอนาคตอีกด้วย